อสังหาฯไทย ตั้งรับ ผู้นำใหม่สหรัฐฯ สะเทือนเศรษฐกิจโลก

02 พ.ย. 2567 | 06:00 น.

ศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ 3 สมาคมอสังหาฯ ชี้ "ทรัมป์” หรือ “แฮร์ริส" สะเทือนเศรษฐกิจโลกทั้งคู่ ไทยต้องปรับตัว-ช่วยเหลือตัวเองมากกว่าคาดหวังสถานการณ์ของโลกดีขึ้น ผวา ทรัมป์ มองแค่การค้าไม่มองวิกฤตโลกร้อน ฝั่งเดโมแครตจุดชนวนสงครามขยายวง

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยกับ ”ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กรณีศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ วันที่5 พฤศจิกายน จะทราบแน่ชัดว่าใครจะเป็นผู้กุมชะตาเศรษฐกิจโลกระหว่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จากพรรครีพับลิกัน และ นาง กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ จากพรรคเดโมแครต ภายใต้การสนับสนุนของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ ข้อมูลการหาเสียงเป็นไปอย่างเข้มข้น และล่าสุด (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ตุลาคม) ผลโพล พบว่า นางกมลา แฮร์ริส มีเสียงสนับสนุนนำ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เพียงเล็กน้อยกว่า 1% เท่านั้น การคาดการณ์มองว่า มีโอกาสเป็นไปได้แทบทั้งสิ้นที่ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะเป็นผู้คว้าชัยเพราะคะแนนห่างกันไม่มากนัก

ทั้งนี้ไม่ว่า ใครมาเป็นผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับว่าทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียรวมถึงไทย ไม่ได้รับผลดีทั้งคู่  ในทางตรงกันข้าม อาจนำมาซึ่งความสั่นสะเทือนไปทั้งโลกไม่ว่า การกีดกันการค้า กำแพงภาษี รวมถึงสงครามที่พร้อมขยายวงได้ทุกเมื่อ

โดยเฉพาะถ้านางกมลา แฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง สงครามการสู้รบในตะวันออกกลางจะคงรุนแรง เนื่องจากเป็นนโยบายเดียวกันกับประธานาธิบดีคนก่อนและไม่ทราบแน่ชัดว่าจะรุนแรงยาวนานขนาดไหน แต่ที่เห็นเด่นชัดในปัจจุบัน คือโจ ไบเดน ให้การสนับสนุน อิสราเอล และกระทบ ถึงต้นทุนน้ำมัน การขนส่ง ค่าระวางเรือซึ่งอาจมีผลทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้าง วัสดุก่อสร้างขยับสูง และกระทบต่อต้นทุนราคาบ้านได้

แต่หากเป็น นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลด้านสงครามทางการค้าโดยเฉพาะจีนและสหรัฐ การกีดกันทางการค้ากำแพงภาษี และจะกระทบมาถึงไทยด้วย แต่หนักที่สุดจะเป็นจีนซึ่งเป็นคู่แข่งขันหลัก แต่ผลดีที่จะตกกับไทย คาดการณ์ว่าจีนจะขยายฐานการผลิตการลงทุนมายังไทยเพื่อลดผลกระทบ

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย สะท้อนว่า ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจมีความเกี่ยวเนื่องกันทั่วโลก เนื่องจากค่าเงินที่มีความเชื่อมต่อกัน และมาตรการทางการเงินของเฟดที่ปรับลดดอกเบี้ยลง รวมถึงมาตรการทางการค้าที่แคนดิเดตทั้ง 2 ได้ประกาศไว้ ต้องดูที่นโยบายแต่ละคนว่าถ้าใครชนะการเลือกตั้งแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร


“เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในประเทศขนาดใหญ่ ประเทศขนาดกลางอย่างไทยเราก็ต้องปรับตัวตามไป ณ ตอนนี้เท่าที่ทำได้คือควรขับเคลื่อน และช่วยเหลือตัวเองไปก่อน มากกว่าที่จะคาดหวังให้สถานการณ์ของโลกดีขึ้น”

นายสุนทร สถาพร นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า ผลกระทบในแง่ของเสถียรภาพ และเศรษฐกิจของโลก ในแง่ของเสถียรภาพความมั่นคง หากสามารถยุติสงครามต่างๆ เช่น รัสเซีย-ยูเครน รวมถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์อื่นๆ อาทิ ไต้หวัน ก็จะทำให้สถานการณ์ของโลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ด้านทรัมป์เคยได้ประกาศไว้ว่าสามารถยุติสงครามได้ ซึ่งต้องรอดูว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

และยังมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่ทั้งสองแคนดิเดตมีแนวคิดที่ต่างกัน อย่างทรัมป์เองไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน ต่างจากฝั่งเดโมแครต จะให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน มีนโยบายรับมือกับปัญหาโลกร้อน เก็บภาษีเน็ตซีโร่ ดังนั้นในแง่ของความมั่นคงทรัมป์ก็มีนโยบายที่ชัดเจน แต่ในแง่เศรษฐกิจสีเขียวก็จะเป็นฝั่งแฮร์ริส

แต่สิ่งหนึ่งที่กระทบกับไทยมองว่า สมัยที่ทรัมป์เคยเป็นประธานาธิบดี เคยเล็งที่จะถอดไทยออกจากประเทศที่ได้รับการสนับสนุนทางด้านภาษี ซึ่งเรื่องนั้นจะทำให้ไทยส่งออกยากขึ้น ต้องติดตามว่าถ้าชนะการเลือกตั้ง จะมีการทบทวนเรื่องนี้อีกหรือไม่ ก็จะเป็นหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย หากมีการยกเลิกการสนับสนุนภาษีการส่งออกสำหรับประเทศกำลังพัฒนา