"พฤกษา" ไตรมาส1 ทำรายได้ 4,171 ล้าน เฮลท์แคร์โต ลุยไตรมาส 2 เพิ่มกลุ่มพรีเมียม

15 พ.ค. 2567 | 07:44 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2567 | 07:59 น.

"พฤกษา" ไตรมาส1 ปี67  ทำรายได้ 4,171 ล้าน เพิ่มสัดส่วนกลุ่มพรีเมียม ธุรกิจเฮลท์แคร์ โต 21%ปักหมุดไตรมาส 2 ผุด 7 โครงการ 7,100 ล้าน เพิ่มสัดส่วนกลุ่มพรีเมียม

 

บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี2567 เริ่มเห็นสัญญาณเป็นบวก 

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกปี 2567 ว่า บริษัททำรายได้ราว 4,171 ล้านบาท  ในช่วงไตรมาสแรก ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีขึ้นที่ 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ 31.5% และยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุน (Net gearing ratio) ต่ำที่ 0.31 เท่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการเสนอขายหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ แบบมีผู้ค้ำประกัน จำนวน 2 ชุด ต่อผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ซึ่งได้ออกหุ้นกู้แล้วเสร็จในวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา

โดยมีอายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.18% ต่อปี และอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.48% ต่อปี ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด อยู่ที่ระดับ A-  ซึ่งบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกรายที่ให้ความไว้วางใจ ทำให้ได้รับยอดจองสูงกว่ามูลค่าที่ทำการเสนอขายประมาณ 1.5 เท่า ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ จำนวน 4,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯ วางแผนจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และต่อยอดธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวมต่อไป

ในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  บริษัทฯ ทำยอดโอนได้ 3,475 ล้านบาท และทำยอดขายได้ 3,374 ล้านบาทโดยกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวมียอดขาย 1,342 ล้านบาท เติบโตราว 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ในขณะที่สินค้าในกลุ่มพรีเมียมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากการเปิดการขายโครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ในช่วงไตรมาสแรก สอดคล้องกับแผนการเปิดโครงการใหม่ที่จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในกลุ่มพรีเมียม (มากกว่า 7 ล้านบาท) ให้มากขึ้นเป็น 50%  

อุเทน โลหชิตพิทักษ์

ในครึ่งปีแรก ยังคงแผนการเปิดโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่า  9,000 ล้านบาท (เปิดไปแล้ว 1 โครงการ ในไตรมาสแรก ได้แก่ โครงการเดอะปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 ) และในครึ่งปีหลัง 22 โครงการ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งยังมีโครงการไฮไลท์สำคัญที่กำลังจะเปิดใหม่เร็ว ๆ นี้ อาทิ โครงการแบรนด์ใหม่ “ไพนน์ เวลเนส เรสซิเดนซ์ ประชาชื่น” บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 3 ชั้น สไตล์ British Timeless Elegance และโครงการ “เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล” บ้านหรูสไตล์พูลวิลล่า ดีไซน์คลาสสิค French Hussmann พร้อมนวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงานภายในบ้าน

นวัตกรรมเพื่อสุขภาพและการใช้ชีวิตที่ดี พร้อมมีทีมแพทย์จาก รพ.วิมุต และ Chersery Home International ดูแลสุขภาพทุกคนในครอบครัวถึงที่บ้านเหมือนมีแพทย์ประจำครอบครัว บริการผู้ช่วยส่วนตัว (Concierge Service) และบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus นวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะ ที่จะเป็นศูนย์กลางดูแลเรื่องความปลอดภัยในบ้าน และอำนวยความสะดวกให้ลูกบ้านและนิติบุคคลเข้ามาใช้ เพื่อสร้างจุดขายที่แตกต่างและโดดเด่นให้กับโครงการ  นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 4,429 ล้านบาท และยังมีสินค้าที่ยังเปิดขายอยู่มูลค่ารวม 61,269 ล้านบาท ซึ่งยังคงรองรับการเติบโตได้ถึง 2 ปี

บ้านกลุ่มพรีเมียมของพฤกษา

ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ มีทิศทางเติบโตในทุกมิติ ทำรายได้ 499 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2566 โดยมีรายได้สูงสุดในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอกสูงขึ้น (แบ่งเป็นผู้ป่วยชาวไทย และชาวต่างชาติสูงขึ้น 32% และ 30% ตามลำดับ) ช่วงระหว่างปีที่ผ่านมาเดินหน้าสานต่อแผนสู่ความเป็นผู้นำแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ (Trusted Healthcare Platform) ประกาศรีแบรนด์ร.พ.เทพธารินทร์ สู่  “โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์”

เน้นศักยภาพความเป็นผู้ชำนาญและความเป็นเลิศด้านเบาหวานและต่อมไร้ท่อ  และวางแผนขยายบริการไปถึงกลุ่มลูกบ้านพฤกษาผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ  นอกจากนี้ โรงพยาบาลวิมุต ยังได้ขยายบริการเพิ่มเติม ทั้งการผ่าตัดศัลยกรรมขากรรไกรและใบหน้า (Maxillofacial Surgery) เปิด “ศูนย์เลสิก โรงพยาบาลวิมุต (ViMUT LASIK Center)” ชูนวัตกรรมที่ปลอดภัย ด้วยนวัตกรรมเครื่อง “FEMTO LDV Z8” จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมอยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุและครอบครัวในย่านวัชรพล เพื่อรองรับการดูแลสุขภาพของลูกค้าในโครงการบ้านในละแวกนั้น และชุมชนใกล้เคียงทั้งหมดเพื่อเติมเต็มอีโคซิสเต็มในเครือพฤกษา ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตามกรอบแนวคิด “อยู่ดี มีสุข”

ด้านการดำเนินงานต่อยอดธุรกิจ สร้างรายได้ประจำตามกลยุทธ์ Seed new business ล่าสุดเดินหน้าตามแผนงานการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยพร้อมบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่า 8,430 ล้านบาท บนพื้นที่ย่านบางบ่อรวมกว่า 200,000 ตารางเมตร ภายใต้บริษัทร่วมทุน 51:49 กับกองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” 

โดยมีระยะเวลาก่อสร้าง 2 ปี เพื่อรองรับเทรนด์การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปี 2569 เป็นต้นไป โดยจะมี แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) นำโซลูชันคลังสินค้าแบบอัจฉริยะและครบวงจรที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมโลจิส ติกส์ของประเทศไต้หวันมาร่วมให้บริการด้วย

ธุรกิจโรงพยาบาล