ซีคอน  โต“Fast Forward” ขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วน X  “นายณ์เอสเตท”ลุยบ้านหรู

12 ก.พ. 2567 | 10:46 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2567 | 10:58 น.

ซีคอน  ชู“Fast Forward” ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนกึ่งแห่งที่2ลำลูกกา 1.2 แสนชิ้น/ปีหรือ 700-800 ยูนิต  รองรับธุรกิจรับสร้างบ้านในองค์กร -ขายโครงการอสังหาฯ ต่อยอดธุกิจใหม่ JV “นายณ์เอสเตท” ทำบ้านหรู ตั้งเป้าโตปี 67 10-15% 2,300 ล้าน

 

กว่า 63 ปี บริษัท ซีคอน จำกัด ผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านที่ได้รับความนิยมสูงสุดของไทย สร้างการเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะ ช่วงท้าทายวิกฤตโควิด-19 จุดเปลี่ยนสำคัญของผู้บริโภค กับการอยู่อาศัย และนำมาซึ่งการเติบโตสวนทางตลาดอสังหา ริมทรัพย์ขาลง  ที่นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด ระบุว่าสาเหตุที่ ซีคอนเติบโต ในขณะนั้นว่า

เมื่อคนเดินทางกลับอยู่บ้านยังต่างจังหวัด เริ่มรู้สึกว่าบ้านของตนเองเล็กเกินไป จึง หันมาขยายและปลูกบ้านใหม่มากขึ้นซึ่งเป็นข้อดี  โดยที่สำคัญได้ใช้กลยุทธ์การขายผ่านช่องทางออนไลน์ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า ได้อย่างทันท่วงทีทำให้เดินหน้าธุรกิจได้อย่าง

 

 

ไม่สะดุดแต่ข้อเสียมีเสียงร้องเรียนจากชาวบ้าน เนื่องจากโรงงานผลิตโครงสร้างกึ่งสำเร็จรูป ทำงานตลอดเวลาโดยโรงงานตั้งอยู่อ่อนนุช ย่านชุมชนเมืองขนาดใหญ่  เมื่อมีการเดินสายพานแน่นอนว่าจะมีเสียงดังและฝุ่น ทำให้ผลิตชิ้นส่วนได้ไม่เต็มที่นัก

มนู ตระกูลวัฒนะกิจ

ในปีนี้บริษัทมีแผนก่อสร้างโรงงานผลิตโครงสร้างชิ้นส่วนกึ่งสำเร็จรูปแห่งที่ 2  ย่านลำลูกกา คลอง 12 จังหวัดปทุมธานี บนเนื้อ 15 ไร่ จากที่ดินทั้งหมดกว่า 26 ไร่ ซึ่งเป็นเรือธงสำคัญ ในการขยายตัวและขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง แบบ “ Fast Forward” ซึ่งจะมีกำลังผลิตสูงถึง 1.2 แสนชิ้นต่อปีหรือ 700-800 หลัง ซึ่งนอกจากโรงงานแห่งที่ 2 จะรองรับลูกค้าที่จองบ้านกับซีคอนและซีคอนไอดีแล้วโรงงานดังกล่าวยังรองรับลูกค้าโครงการ อสังหาฯ บ้านเดี่ยวกลุ่มธุรกิจรีสอร์ท  อพาร์ทเม้นท์ ฯลฯได้อีกด้วย 

 รวมไปถึงบริษัทยังขยายฐานธุรกิจให้กว้างขึ้นด้วยการประกาศร่วมทุน  (Joint Venture) กับบริษัทนายณ์ เอสเตท จำกัดบริษัทพัฒนาธุรกิจอสังหาฯชื่อดัง  ที่นายมนู มองว่าเป็นการนำความเชี่ยวชาญและพัฒนาภายใต้แนวคิด Greenery SEACON ด้วยหัวใจหลักของการพัฒนาเน้นการนำธรรมชาติมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ปัจจุบันมีพื้นที่จำกัดท่ามกลางมลภาวะรอบด้านของเมือง

แผนธุรกิจซีคอน

สำหรับการร่วมลงทุน พัฒนาโครงการบ้านหรูกับนายณ์เอสเตทนำร่อง 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 800 ล้านบาทแต่ละโครงการมีจำนวนหน่วยกว่า 20 หน่วย ได้แก่ทำเลงามวงศ์วาน ระดับราคา 24-28ล้านบาท ส่วนทำเลถนนกาญจนาภิเษก บริเวณกัลปพฤกษ์  ราคา 20-25ล้านบาท 

เมื่อถามเหตุผลที่เลือกทำเลดังกล่าว นายมนูอธิบายว่าทางนายณ์ เอสเตทเป็นผู้เลือกและมองว่าเป็นทำเลศักยภาพมีกลุ่มลูกค้าในมือ ขณะซีคอนจะทำหน้าที่เป็นผู้ก่อสร้างตามความชำนาญซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัท โดยสัดส่วนการถือหุ้น 70 : 30 โดยนายณ์เอสเตท 70% ส่วนซีคอน 30% ทั้งนี้การพัฒนาโครงการบ้านหรูจะเปิดขายในช่วงต้นปี2568 จากเดิมมีแผนเปิดตัวโครงการในปีนี้

 อย่างไรก็ตามตลาดบ้านหรูเป็นตลาดที่เติบโตสูง ราคา 60-100 ล้านบาท ขึ้นไปยังขายได้ สะท้อนได้จาก บมจ.แสนสิริ เปิดขายโครงการบ้านระดับลักชัวรี สามารถปิดการขายภายในวันเดียวทั้งสองโครงการ ส่วนตลาดบ้านระดับกลาง-ล่าง เริ่มมีการปฏิเสธสินเชื่อสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันไปเจาะกลุ่มกำลังซื้อสูงกันมาก จะเห็นว่าบ้านราคา3-5 ล้านบาทเริ่มหายไปจากตลาด และเห็นบ้านราคา 10 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น

ขณะสถาบันการเงินต้องยอมรับมีความแข็งแกร่งเพราะมีบทเรียนมาตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ทำให้ทุกอย่างต้องเข้มงวด  โดยนายมนู วางเป้าหมายเติบโตของซีคอนปีนี้ไว้ที่ 10-15% หรือ 2,300 ล้านบาทเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ผ่านกลยุทธ์ SEACON FAST FORWARD

ที่ซีคอนจะให้เป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจและยังคงสานต่อ 3 กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจจากปี 2566 สู่ปี 2567  ซีคอนยังคงยึด 3 กลยุทธ์หลักเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจในปีนี้  ประกอบ ด้วยกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) ภายใต้แนวคิด E-S-G, กลยุทธ์การแสวงหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่รวมทั้งพัฒนาโปรดักส์ใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และกลยุทธ์ด้านการตลาดยุคใหม่ที่ผสานความสมดุลระหว่างออนไลน์และออฟไลน์อย่างลงตัว เพื่อคงฐานลูกค้ากลุ่มเก่าไว้ใน

ขณะเดียวกันสามารถเจาะเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ได้ในเวลาเดียวกัน โดยทั้ง 3 กลยุทธ์ดังกล่าวนี้ ซีคอนได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรได้อย่างแท้จริง แม้ภาพรวมเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายเชื่อว่าอยู่ในช่วงขาลง แต่ซีคอนยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างดี โดยสร้างยอดขายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมาดังกล่าว โดย 3 ปัจจัยในปีนี้ มาพร้อมพัฒนาการที่เหนือกว่า ที่จะทำให้ซีคอนเติบโตกว่าตลาดรวมในแบบ Beyond Thinking ให้อนาคตเป็นตัวกำหนดปัจจุบัน ที่จะเติบโตตามเป้าหมาย

รวมถึงกับการเปิดตัว 6 แบบบ้านใหม่ที่พัฒนาแบบภายใต้แนวคิด Greenery SEACON ด้วยหัวใจหลักของการพัฒนาที่เน้นการนำธรรมชาติมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ปัจจุบันมีพื้นที่จำกัดท่ามกลางมลภาวะรอบด้านของเมืองในปัจจุบัน ผ่านทาง courtyard หรือลานกลางบ้านที่เป็นพื้นที่ส่วนตัวซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวเอเชีย ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์และจินตนาการของเจ้าของบ้านเองปิดกั้นจากความวุ่นวายภายนอก

นี่คือจุดขายจุดแข็งของซีคอน ที่สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องมากว่า 63 ปี  และพร้อมพัฒนาโปรดักส์ ใหม่ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง!!

แบบบ้านใหม่ภายใต้แนวคิด Greenery SEACON