อสังหา"ลักซ์ชัวรี่"ไทยฮ็อตต่างชาติรุมซื้อเตรียมลองสเตย์

21 พ.ค. 2566 | 18:34 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2566 | 19:18 น.
1.1 k

"ซีบีอาร์อี" เชื่อ ตลาดการท่องเที่ยวและตลาดการพักอาศัยแบบลองสเตย์ปี 2566 จะกลับมาคึกคักตั้งแต่ไตรมาส 2 ยิงยาวถึงไตรมาส 4 หนุนดีมานด์ต่างชาติซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่สำหรับอยู่ยาวพุ่งสูงโดยเฉพาะชาวจีน

“ซีบีอาร์อี” มองอสังหาฯ 2566 ส่งสัญญาณบวกหลังดีมานด์ต่างชาติซื้อที่อยู่ในไทยสูงขึ้นตั้งแต่ไตมาส 2 ไปจนถึง ไตรมาส 4 โดยเฉพาะชาวจีน กว้านซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ ดันโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และบ้านพักตากอากาศโตยกแผง

อสังหา"ลักซ์ชัวรี่"ไทยฮ็อตต่างชาติรุมซื้อเตรียมลองสเตย์

นางสาวอาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยข้อมูลว่า ชาวต่างชาติกลับมาให้ความสนใจซื้อที่พักอาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ในไทย ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และบ้านพักตากอากาศที่ตั้งอยู่ในทำเลชั้นนำ ตั้งแต่เริ่มมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มียอดขายผ่านซีบีอาร์อีเกินกว่า 200-300% 

ด้านผู้พัฒนาโครงการก็มีความเคลื่อนไหวเพื่อตอบรับกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น เตรียมเปิดโครงการใหม่ระดับลักซ์ชัวรี่และซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ในปี 2566 อีกหลายโครงการ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยว ทั้งนี้ โครงการใหม่ที่เตรียมจะเปิดตัวและมีแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนในปีนี้มีมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท 

 “จากการวิเคราะห์ข้อมูลโครงการที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนบริหารการตลาดและการขาย พบว่าผู้สนใจซื้อโครงการที่พักอาศัยจากซีบีอาร์อีตั้งแต่ปี 2565 ถึงต้นปี 2566 คิดเป็นคนไทย 89% และชาวต่างชาติ 11% โดยลูกค้าชาวต่างชาติที่มองหาคอนโดมิเนียมและบ้านส่วนใหญ่มาจากในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน พม่า สิงคโปร์ และญี่ปุ่น สำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านพักตากอากาศส่วนใหญ่มาจากยุโรป ได้แก่ รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน”

เทียบยอดขายโครงการที่พักอาศัยของซีบีอาร์อีในปี 2565 กับปี 2564

ลูกค้าชาวต่างชาติซื้อโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นถึง 383% และซื้อโครงการบ้านเพิ่มขึ้น 233% โดยชาวต่างชาติที่ซื้อโครงการบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว รวมทั้งซีบีอาร์อียังพบว่าลูกค้าชาวต่างชาติกลับมาสนใจซื้อวิลล่าตากอากาศอีกครั้งหลังจากที่หายไปก่อนหน้านี้

พฤติกรรมของผู้ซื้อชาวต่างชาติ

ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง หรือมีวงเงินในการซื้อคอนโดมิเนียมที่ระดับราคา 15-30 ล้านบาท ต้องการคอนโดมิเนียมบนทำเลใจกลางเมือง โดยเฉพาะย่านธุรกิจอย่างสีลม สาทร ลุมพินี สุขุมวิท ปทุมวัน และทำเลริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 87%

สำหรับโครงการบ้าน ลูกค้าชาวต่างชาติส่วนใหญ่มีงบประมาณในการซื้ออยู่ที่ 51-80 ล้านบาท โดยเฉพาะทำเล กรุงเทพตะวันออก ใจกลางเมือง และทำเลรอบนอกฝั่งตะวันออก โดยซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 85% และสำหรับบ้านพักตากอากาศนั้น ลูกค้าชาวต่างชาติมักจะซื้อในราคา 15-30 ล้านบาท โดยสนใจทำเลภูเก็ต และ หัวหิน ส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 71%

ตลาดระดับลักซ์ชัวรี่ ชาวจีนยังคงต้องการซื้อที่พักอาศัยในไทยสูงสุด

ส่วนใหญ่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมหรูขนาด 1-2 ห้องนอน ในระดับราคา 15-30 ล้านบาท บนทำเลสีลม สาทร และซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเองเป็นหลัก ในส่วนของโครงการบ้าน ชาวจีนต้องการซื้อบ้านขนาด 4 ห้องนอน บนทำเลกรุงเทพตะวันออก และมีงบประมาณในการซื้อตั้งแต่ 30 ถึง 100 กว่าล้านบาท โดยส่วนใหญ่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองเช่นเดียวกัน

ตลาดต่างชาติที่มีความน่าสนใจคือ ตลาดผู้ซื้อชาวพม่า 

ปีที่ผ่านมามีลูกค้าชาวพม่าที่อาศัยอยู่ในประเทศพม่า สิงคโปร์ และไทยหลายรายเข้าทำสัญญาซื้อขายโครงการกับซีบีอาร์อี ในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาท ถึงมากกว่า 100 ล้านบาท  โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่ขนาด 2 ห้องนอนระดับราคา 15-30 ล้านบาทบนทำเลลุมพินีและสุขุมวิท สำหรับโครงการบ้าน ผู้ซื้อชาวพม่าส่วนใหญ่ต้องการบ้านขนาด 4 ห้องนอน ในทำเลกรุงเทพตะวันออกและใจกลางเมืองเพื่ออยู่อาศัยเองถึง 91%

ด้านนางสาวประกายเพชร มีชูสาร หัวหน้าแผนกซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ซีบีอาร์อี ประเทศไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่าตลาดที่พักอาศัยในภูเก็ตมียอดขายที่พักตากอากาศในปี 2565 ผ่าน“ซีบีอาร์อี”  เพิ่มสูงขึ้น 24% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าโดยที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ วิลล่าหรือบ้านพักตากอากาศ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 69% โดยตลาดต่างชาติที่สนใจโครงการที่พักอาศัยในภูเก็ตเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง 

ทั้งนี้ ลูกค้าในประเทศยังอยู่ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ลูกค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 93% มาจากหลากหลายเชื้อชาติที่เข้ามาลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ซึ่งได้แก่ รัสเซีย แคนาดา อิตาลี ฝรั่งเศส จีน และอังกฤษ

“ความต้องการในตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีอยู่มากในหมู่ผู้ซื้อที่คุ้นเคยกับเกาะนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ซื้อเดิมจากโครงการก่อนหน้านี้ หรือจากเพื่อนและครอบครัวที่แนะนำทำให้ตลาดวิลล่าภูเก็ตยังคงมีลูกค้าที่เข้ามาลงทุนซื้ออย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น รัสเซีย จีน อิตาลี อังกฤษ เยอรมัน ออสเตรเลีย อเมริกา อินเดีย และไอร์แลนด์ เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า” 

“ซีบีอาร์อี” เชื่อตลาดการท่องเที่ยวและตลาดการพักอาศัยแบบลองสเตย์ในปี 2566 คึกคัก

มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมในช่วงไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 4 และจะส่งผลในเชิงบวกอย่างต่อเนื่องต่อดีมานด์การซื้อที่พักอาศัยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองและเพื่อการลงทุน ทั้งนี้ ซีบีอาร์อีคาดการณ์ว่าความต้องการซื้อที่พักอาศัยจากชาวต่างชาติจะครอบคลุมตลาดหลายระดับ และกระจายไปยังทำเลทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดที่เป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศชั้นนำ รวมถึงครอบคลุมไปถึงตลาดเช่าอีกด้วย