"ซิซซา" คิกออฟ เมดิคัลฮับ ไทยแลนด์ ไล่เทคโอเวอร์ หาดนาใต้ - พังงา 71 ไร่
"ซิซซา" คิกออฟ เมดิคัลฮับ ไทยแลนด์ ไล่เทคโอเวอร์ ที่ดินริมหาดนาใต้ - พังงา 71 ไร่ สงวนราคาไร่ละ 40-50 ล. เดินหน้าปั้นเมกะโปรเจกต์หรู “นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต” มูลค่า 4.7 พันล . หวังดึงนักลงทุน และ นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังบูมเปิดประเทศ ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพคึก
จากกระแส "ตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ" (Wellness Tourism) มาแรง หลังวิกฤติการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 20 ล้านล้านบาท นับเป็นโอกาสของประเทศไทย 1 ในเสือ ด้านการแพทย์ชั้นนำของเอเชียแปซิฟิก ผ่านการผลักดัน เมดิคัลฮับ (Medical Hub) หรือ ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ โดยรัฐและเอกชน
ยิ่งล่าสุด รัฐบาลเดินหน้า เปิดประเทศ นักท่องเที่ยว ไม่ต้องกักตัว กระตุ้นนโยบายทางเศรษฐกิจ ดึงดูดชาวต่างชาติ 4 กลุ่มศักยภาพสูง จึงเป็นจังหวะครั้งสำคัญ ในการพลิกบทบาท "ภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย" ไปอีกขั้น อย่างไรก็ตาม ปัจจัยความสำเร็จของอุตสาหกรรมนี้ ยังมาจาก ความพร้อมระดับนโยบายของประเทศ ,ทำเลที่ตั้งโครงการ , รูปแบบโครงการ และบริการชั้นเยี่ยมอีกด้วย
"ฐานเศรษฐกิจ" ร่วมสัมภาษณ์พิเศษ นายอรรถนพ พันธุกำเหนิด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด 1 ใน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) ชื่อดังภาคใต้ หลังอยู่ระหว่างปลุกปั้น " ศูนย์การแพทย์และความงามระดับเวิลด์คลาส " ควบคู่รีสอร์ตหรูระดับ 6 ดาว บนหาดส่วนตัว นาใต้ จ.พังงา หวังเป็นอีกแม่เหล็กฟื้นการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวไทย จากผู้รับเหมาก่อสร้าง สู่ผู้พัฒนาอสังหาฯ ปั้นพอร์ตมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้าน ชูเรือธง เมกะ โปรเจกต์ “นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต”
เมดิคัลฮับโอกาสประเทศไทย
ฉายภาพเทรนด์ธุรกิจในปัจจุบัน ที่มีแนวโน้มเติบโตชัดเจน นอกจากธุรกิจพลังงานสะะอาดแล้ว คงเป็นธุรกิจด้านสุขภาพ เนื่องจากมีโอกาสสร้างเม็ดเงินมหาศาล โดยเฉพาะจากกลุ่มกำลังซื้อสูง ( Hight Net Worth) ตอบโจทย์ฟื้นภาคท่องเที่ยวไทย พบขณะนี้ ในพื้นที่ภูเก็ต - พังงา นักพัฒนาอสังหาฯหลายรายเริ่มให้ความสนใจ บริษัทเอง ชิมลางจากการจัดทำโปรแกรมดูแลสุขภาพ สำหรับผู้ป่วยหลังโควิด (Long COVID) พบมีโอกาสต่อเนื่อง ผู้คนทั่วโลกหันมารักษาสุขภาพมากขึ้น หลบหนีจากความวุ่นวาย พักผ่อนในสถานที่ปิด ส่วนตัวและพรีเมียม
ประเมินธุรกิจนี้ ตอบโจทย์ทั้งเทรนด์การลงทุนระดับโลก การแพทย์ และการโรงแรมระดับโลก อย่างไรก็ตาม อยากเห็นแรงสนับสนุนจากรัฐบาลมากขึ้น เพราะในจังหวะนี้ ไม่มีใครกล้าควักเงินลงทุนจำนวนมาก รัฐควรเข้ามาเป็นช่วยในแง่ต่างๆ โดยเฉพาะระดับนโยบาย ที่ยังไร้แผนงาน และการประชาสัมพันธ์ประเทศที่เพียงพอ แต่ขณะนี้มีโอกาสเอื้อ จากแบรนด์ "ภูเก็ตแซนบ็อกซ์" สามารถดึงสายตานานาชาติได้ดีขึ้น เมื่อผ่อนคลายเงื่อนไขที่เข้มงวดลง พร้อมกับนโยบายเปิดประเทศ ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่รัฐบาลเริ่มมาถูกทาง
เทคโอเวอร์ที่ดินริมหาดไร่ละ 50 ล.
ทั้งนี้ เล็งเห็นโอกาส และเริ่มเข้าลงทุนในโรงแรม นาใต้ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา บริเวณ ริมหาดนาใต้ จ.พังงา ผ่านการเทคโอเวอร์จากเจ้าของรายเก่า และไล่เดินหน้าเข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเก่าทั้งซ้ายและขวา รวมทั้งสิ้น 71 ไร่ แบ่งเป็นเฉพาะติดทะเล 35 ไร่ ยาว 450 เมตร ในราคา 40-50 ล้านบาทต่อไร่ ซึ่งถือว่าอยู่ในอัตราสูง เนื่องจากราคาปรับขึ้นตามดีมานด์ แม้แต่ช่วงโควิด การซื้อ-ขาย น้อยลง แต่ราคาก็ไม่ได้ลดลงตาม เพื่อปั้น เมกะ โปรเจกต์ “นาใต้ เมดิคอล เซ็นเตอร์ แอนด์ รีสอร์ต” ประเมินงบลงทุน 4.6 พันล้าน
แบ่งการพัฒนาเป็น 7 โซน ประกอบไปด้วย Life Clinic & Well-Being Resortศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพระดับพรีเมียม ควบคู่กับรีสอร์ต หรูระดับ 6 ดาว (แพงสุด 2 แสนบาทต่อคืน) นำร่องเปิดก่อนปลายปีนี้ เฟสถัดไป คือ "เมดิคัล เซ็นเตอร์" ศูนย์การแพทย์พร้อมบริการผ่าตัดทางการแพทย์ และการวินิจฉัยโรค ด้วยเทคโนโลยีทันสมัย เวชศาสตร์การกีฬาชะลอวัย , บริการ IVF และ ศูนย์กัญชาบำบัด เป็นต้น
Resort มีการปรับปรุงส่วนรีสอร์ตและขยายเพิ่ม พร้อมยกระดับมาตรฐานเป็นโรงแรม 5 ดาวริมหาดนาใต้ โดยมีห้องพักและพูลวิลล่า รวมของเดิมทั้งสิ้น 177 ยูนิต พร้อมกิจกรรมต่างๆ อาทิ โยคะริมหาด บริการสปาเพื่อผ่อนคลาย ห้องออกกำลังกาย พายเรือคายัค เป็นต้น ตลอดจนบริการห้องอาหาร 6 สไตล์ ทั้งไทย ซีฟู้ด อาเชียน ตะวันตก ฯลฯ อีกทั้งยังมีโครงการจะขยายโรงแรมเพื่อผลักดันให้เป็น Mice Hotel เพื่อรองรับสำหรับการจัดสัมมนาขนาดใหญ่อีกด้วย ทั้งนี้ คาดแล้วเสร็จทั้งโปรเจ็กต์ในปี 2568
โดยรูปแบบการพัฒนา ยังคงเน้นในรูปแบบอสังหาฯเพื่อการลงทุน โดยบริษัทถือหุ้น 60% และเปิดโอกาสให้กลุ่มแพทย์ - นักลงทุน 40% ในอัตรา 6 ล้านบาท ต่อ 1 ล้านหุ้น (ผลตอบแทนแบบการันตี) โดยมีทีมบริหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระดับชั้นนำชูความน่าสนใจของโครงการอสังหาฯ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
"เมดิคัลเซ็นเตอร์ ที่วาดฝันกัน เราจะเป็นเจ้าแรกๆ ที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง อาศัยทีมบริหารศักยภาพสูงจากต่างชาติ และจะเป็นส่วนผลักดัน บริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ หรือ กองรีทในอนาคตได้ เนื่องจากยังมีสินทรัพย์อื่นๆในมือรองรับอีก "
เจาะกลุ่มคนดังต่างชาติ
นายอรรถนพ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ดารา คนดัง และต่างชาติ โดยเฉพาะชาติตะวันออกกลาง เช่น กาตาร์ อาหรับเอมิเรตส์ , กลุ่มออสเตรเลีย ,กลุ่มชาวจีน , อินเดีย ,รัสเซีย และกลุ่มใหญ่สุด คนยุโรป และชาวสแกนดิเนเวีย ล่าสุดทำงานร่วมกับเอเยนซีกว่า 200 ราย และมียอดบุ๊กกิ้ง การจองเข้ามาแล้วบางส่วน หลังไทยเตรียมเปิดประเทศ 1 พ.ย. นี้
อีกทั้ง ยังเห็นด้วยกับนโยบายดึงดูดชาวต่างชาติ 1 ล้านคน ในระยะ 5 ปีของรัฐบาลแบบ 100% หลังจากโควิด คล้ายประเทศเผชิญกับพายุลูกใหญ่ ซึ่งยังมีภาพความเสียหายยับเยินซ่อนอยู่ ฉะนั้น การนำต่างชาติเข้ามา คือ การนำเงินเข้ามาในประเทศ เพื่อส่งแรงกระเพื่อมไปยังห่วงโซ่อื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย คนเกษียณ ถือว่ากระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาวได้อย่างดี
"ต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย ช่วยเกิดการจ้างงาน เพิ่มจัดเก็บภาษี และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เดิมเราอาศัยการส่งออก มีห่วงโซกว้าง แต่ใช้เวลานาน ถึงจะเห็นเม็ดเงิน แต่ภาคที่อยู่อาศัย - การลงทุน คือ การนำเงินสดเข้ามา โดยไม่ผ่านกระบวนการ เกิดการกระจายเงินไปสู่พ่อค้า-แม่ค้า และผลักดันจีดีพีอย่างชัดเจน "
3 ปีปั้นพอร์ตหมื่นล้าน
ทั้งนี้ ซิซากรุ๊ป วางเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า พัฒนาโปรเจ็กต์ใหม่ มูลค่ารวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ระหว่างศึกษาโครงการมิกซ์ยูส อีกหนึ่งโครงการ มูลค่า 4.7 พันล้านบาท ชื่อ อวตาร ธีม ปาร์ค รีสอร์ท บนพื้นที่ 16 ไร่ ทำเลหาดลายัน ใกล้สนามบินนานาชาติภูเก็ต ผสานสวนสนุกระดับเวิลด์คลาส และโรงแรมระดับ 4 ดาว คาดเป็นโครงการบุกเบิกแห่งแรกในภูเก็ต และเป็นโอกาสสร้างแบรนด์ให้กับภูเก็ตอีกทาง หลังพบช่องว่างทางการตลาด นักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหญ่ แฟมิลี่(ครอบครัว) มีสัดส่วนถึง 30% แต่ไม่มีโครงการลักษณะนี้รองรับต่อเนื่องจากโครงการ วินแดม แกรนด์ ในหาน บีช ภูเก็ต คาดเปิดตัวไตรมาส 1 ปี 2565 รวมถึงแผนพัฒนา ฟาร์ม , ออฟฟิศบิวดิ้ง และโรงแรมนานาชาติ อีกด้วย
