JSP มั่นใจรายได้เข้าเป้า 5 พันล้าน

24 มิ.ย. 2560 | 15:00 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มิ.ย. 2560 | 02:35 น.
เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ แย้มยอดขายครึ่งแรกปี 60 กว่า 2,000 ล้านบาท มั่นใจรายได้เป็นไปตามเป้า ขณะยอดรีเจ็กต์สูง ปรับกลยุทธ์คุมพฤติกรรมลูกค้าต่อเนื่อง ล่าสุดเปิด เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ชูกลยุทธ์ J ID

นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 นี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 1,100 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 1 รายได้อยู่ที่ 1,043 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งแรกปี 2560 บริษัทจะรับรู้รายได้กว่า 2,000 ล้านบาท จากเป้ารับรู้รายได้ทั้งปี 5,000 ล้านบาท เหลืออีกเพียง 3,000 ล้านบาทที่จะต้องทำให้ได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2560

[caption id="attachment_130985" align="aligncenter" width="503"] ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด[/caption]

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (แบ็กล็อก) อยู่ที่ 3,900 ล้านบาท จะโอนในปีนี้จำนวน 2,900 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 900 ล้านบาท และแนวราบ 2,000 ล้านบาท ที่เหลือ 1,000 ล้านบาทจะรับรู้รายได้ในปี 2561 ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มั่นใจได้ว่าเป้ารับรู้รายได้ที่ 5,000 ล้านบาท จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน

ด้วยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่มกลาง-ล่าง ซึ่งมีปัญหาในเรื่องของการถูกปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์) ส่งผลให้ในปี 2559 ยอดปฏิเสธสินเชื่อเฉลี่ยอยู่ที่ 20% โดยกลุ่มคอนโดมิเนียมมียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 40% ขณะที่กลุ่มแนวราบมียอดปฏิเสธสินเชื่อ 30% แต่ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ยอดปฏิเสธสินเชื่อมีอัตราลดลงเหลือ 30% ในกลุ่มคอนโดมิเนียม และ 15% ในกลุ่มแนวราบ

เป็นผลจากการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน โดยบริษัทจะไม่ทำสัญญาหากไม่ผ่านการพรีแอพพรูฟจากสถาบันการเงิน เมื่อลูกค้าผ่านการพรีแอพพรูฟและมีการทำสัญญา ในระหว่างที่ยื่นขอสินเชื่อกับทางธนาคาร บริษัทก็จะติดตามพฤติกรรมทางด้านการเงินของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อลดปัญหาหนี้สินที่ลูกค้าอาจไปก่อหนี้ระหว่างทาง

ล่าสุด บริษัทเปิดตัวโครง การ เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ทาวน์โฮม 3 ชั้น มูลค่าโครงการ 575 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 4.19 ล้านบาท จำนวน 120 หน่วย โดยจะให้เป็นต้นแบบของโครงการที่มีการนำนวัตกรรมการออกแบบบ้านในลักษณะ J ID หรือ J Intelligent Design เพื่อเพิ่มมูลค่าบ้านให้ผู้บริโภคเกิดความคุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุด

“สินค้าของ เจ.เอส.พี. มีจุดแข็งด้านต้นทุนที่ดินและทำเลที่ตั้งเป็นหลัก เมื่อมีการปรับสินค้าโดยนำแนวคิด J ID มาใช้ ทำให้รูปแบบบ้านมีความสมบูรณ์และลงตัวมากที่สุดเช่น การปรับรูปแบบบ้านให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นในขนาดบ้านที่เท่าเดิม ขณะที่คุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าบ้านในกลุ่มบิ๊กแบรนด์ในราคาที่คุ้มค่ากว่า”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,272 วันที่ 22 - 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560