สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

26 พ.ค. 2566 | 13:45 น.
อัปเดตล่าสุด :26 พ.ค. 2566 | 14:14 น.

สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. เดินหน้าพัฒนางานวิจัย ขานรับนโยบายรัฐบาล สร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต ปฏิรูปภาคการเกษตรด้วยพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ สร้ายรายได้แบบยั่งยืน   อัดฉีดเงินวิจัย  ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก ไข่ผำ หรือ คาเวียร์มรกต ตอบโจทย์กระแสคนรักสุขภาพทั่วโลก

อาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นแนวคิดในอุตสาหกรรมอาหารโลกที่มีความหลากหลาย ทั้งรูปลักษณ์และกระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นกระบวนการผลิตอาหารที่เหมาะสมกับโลกในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งการลดภาวะโลกร้อน และการสร้างระบบอาหารอย่างยั่งยืน แนวคิดด้านสุขภาพและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันกลายเป็นประเด็นที่อุตสาหกรรมอาหารให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลจากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่สร้างความตื่นตัวต่อการรักษาสุขภาพและสุขอนามัยทั่วโลก การปรับเปลี่ยนของวิถีชีวิต ความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้บริโภค ล้วนส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอาหารและอาหารแห่งอนาคต โดยผู้บริโภคให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ที่เสริมสารอาหารและโภชนาการ อาหารประเภท functional ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อระบบย่อยและดูดซึมอาหาร สะท้อนจากมูลค่าตลาดของอาหารกลุ่มดังกล่าวที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง

 

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

 

ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวว่า ภายหลังจาก สวก. ได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จึงผลักดันและขับเคลื่อนพัฒนางานวิจัย โดยการสนับสนุนทุนวิจัย 2 สถาบันการศึกษา คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย รศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ โครงการ ผลิตภัณฑ์เม็ดสารสกัดไข่น้ำเพื่อเสริมโปรตีนและกรดไขมันโอเมกา และ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดย ดร.วนิดา ปานอุทัย โครงการ การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนเสริมสุขภาพจากผำเพื่อเพิ่มมูลค่าและศักยภาพการใช้ทรัพยากรชุมชน เพื่อศึกษาถึงประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งพบว่า ไข่ผำเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ ไข่ผำจึงถูกยกให้เป็น Super Food หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น Super ของ Super เนื่องจากเป็นแหล่งโปรตีนทดแทนชั้นเยี่ยม เพราะกิน 1 ได้ประโยชน์ถึง 3 คือ ประโยชน์ที่ 1 มีโปรตีนสูง ประโยชน์ที่ 2 มีโอเมกา 3 และ 6 สูง และประโยชน์ที่ 3 มีคลอโรฟีลสูง

 

รศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ (หัวหน้าโครงการวิจัย) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

 

รศ.ดร.ภญ.รัตติรส คนการณ์ (หัวหน้าโครงการวิจัย) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวเสริมถึง คุณประโยชน์ในไข่ผำ  ครั้งนี้ว่า  ในไข่ผำพบกรดอะมิโนที่จำเป็นและไม่จำเป็นครบทุกชนิด โดยกรดอะมิโนจำเป็นที่พบมากสุด 3 อันดับแรก คือ ไลซีน ฟีนิลอะลานีน ลิวซีน (ช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันของร่างกายและระบบประสาท) และเมื่อมีการวิเคราะห์กรดไขมันของไข่ผำแห้งพบว่า มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงกว่ากรดไขมันอิ่มตัวประมาณ 2 เท่า และยังพบกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายต้องการอีก 2 ชนิด คือ กรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ในปริมาณที่สูง  ในงานวิจัยครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับวัฒนธรรมอาหารพื้นบ้านสู่การเป็นอาหารแห่งอนาคต    “ไข่ผำ” สุดยอดของแหล่งโปรตีนทดแทน

 

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

 

ดร.วิชาญ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ไข่ผำ” เป็น 1 ในพืชน้ำที่อยู่ในยุทธศาสตร์นโยบายการขับเคลื่อนใหม่ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในด้านอาหารแห่งอนาคต (Future Food) เป็นอีกหนึ่ง Mega Trend ที่มาแรงและถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง ภาคอุตสาหกรรมอาหารต่างให้ความสนใจ  และยังได้พูดถึงตลาด Future Food ที่มีตัวเลขน่าสนใจไว้ด้วยว่า เป็นอนาคตที่ดีของเกษตรกรและอุตสาหกรรมอาหาร เพราะจากข้อสรุปของงานวิจัยและแนวโน้มอนาคตการเติบโตด้านการตลาด ของ Future Food โดยการส่งออกของไทย ปี 2564 มีมูลค่า 115,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7 % คิดเป็นสัดส่วน 10 % ของการส่งออกอาหารในภาพรวม ส่วนช่วง 7 เดือนแรกปี 2565 มีมูลค่าส่งออก 95,592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 % สัดส่วน 12 % ของการส่งออกอาหารในภาพรวมของไทย ช่วง 7 เดือนแรก ประกอบด้วย อาเซียน สัดส่วน 37 % สหรัฐฯ 18 % สหภาพยุโรป 11 % จีน 10.9 % และออสเตรเลีย 4 %  ซึ่งคาดการณ์อัตราการเติบโตของอาหาร Future Food ในปี 2025 จะมีการเติบโตสูงถึง 51%

 

คุณจิรวัฒน์ จารุวัฒน์ภาคิน กรรมการผู้จัดการบริษัท บริษัท เดอะ พอสสิเบิ้ล จำกัด

 

คุณจิรวัฒน์ จารุวัฒน์ภาคิน กรรมการผู้จัดการบริษัท บริษัท เดอะ พอสสิเบิ้ล จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการ กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยมาพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ว่า ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับจากผลงานวิจัยทำให้สามารถสร้างตัวตนทางการตลาดได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะงานวิจัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค เช่นงานวิจัยไข่ผำ ที่ตนสามารถต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์โปรตีนชงพร้อมดื่มจากผำซึ่งได้รับความสนใจจากกลุ่มรักสุขภาพ / กลุ่มผู้สูงอายุ / กลุ่มผู้ป่วยพักฟื้น ที่ต้องการเสริมโปรตีนที่เป็น Vegan หรือ Plant Based  “ไข่ผำ” ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก และคาดว่าในปีนี้จะสามารถทำให้ผลิตภัณฑ์เติบโตได้ถึง 10%  และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สวก.ยังมีงานวิจัยต่างๆ ที่ภาคเอกชนสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องของพืชผัก พืชไร่ สมุนไพร ข้าว ประมง หรือปศุสัตว์ ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนเกษตรกรให้เพาะเลี้ยงผำคุณภาพสูงโดยการทำ Contact Farming กับเกษตรกรผู้ผลิตอีกด้วย  ถือได้ว่าเป็นงานวิจัยที่มีการเชื่อมโยงผู้ผลิตวัตถุดิบต้นทางเติบโตไปด้วยกัน 
“ไข่ผำ” จึงถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ยังเข้าไม่ถึงแหล่งโปรตีน สวก. เล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้ จึงได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปยังผู้ประกอบการในระดับ SME ซึ่งได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์จากไข่ผำในงาน THAIFEX– Anuga Asia 2023 ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี

 

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

สวก.หนุนงานวิจัย “ไข่ผำ” ขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต

 

งานวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก “ไข่ผำ” พืชน้ำโปรตีนสูง หรือ Super Food แนวคิดเรื่องอาหารด้านสุขภาพและการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อุตสาหกรรมอาหารสำคัญ ที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคการเกษตรของประเทศ สู่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงตามวัยของผู้บริโภค ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่อุปทานอาหารและอาหารแห่งอนาคต  สามารถสร้างรายที่ยั่งยืนให้เกษตรกร ตามแนวคิดของ สวก. ที่สนับสนุนการสร้างมูลค่าอาหารด้วยงานวิจัย...สร้างโอกาสใหม่ในตลาดโลก