นวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ทางเลือกรักษาแบบใหม่สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อม

24 มี.ค. 2566 | 16:11 น.
อัปเดตล่าสุด :24 มี.ค. 2566 | 16:51 น.

นวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ทางเลือกรักษาแบบใหม่สำหรับโรคข้อเข่าเสื่อม

หลายคนมักจะเข้าใจว่า โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคข้อเข่าเสื่อมเกิดได้กับคนทุกวัย โดยเฉพาะช่วงวัยกลางคนที่พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่พบบ่อยมาจากหลายสาเหตุ เพราะเข่าเป็นอวัยวะสำคัญที่ต้องรองรับน้ำหนักตัวในการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ หากเกิดผิดท่าผิดทางหรือใช้งานหนักเกินไป ก็อาจส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วกว่าปกติได้ เมื่อเป็นแล้วอาจมีอาการปวดเข่าเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงเกิดความเจ็บปวดอย่างรุนแรง 

ที่สำคัญคนสูงวัยส่วนใหญ่เมื่อมีอาการแล้วกลัวที่จะต้องเข้ารับการรักษา ไม่อยากผ่าตัด เพราะเชื่อว่าจะเกิดอันตราย แต่รู้หรือไม่ว่าปัจจุบันมีนวัตกรรมหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่า ทางเลือกรักษาแบบใหม่ แม่นยำ ปลอดภัย จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย

หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด Robotic Knee Replacement คืออะไร

อาการข้อเข่าเสื่อม สามารถรักษาเพื่อให้เข่ากลับมาใช้งานได้ดีใกล้เคียงกับสภาพปกติ เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการปวดเข่าจากข้อเข่าเสื่อม โดยวงการแพทย์ได้มีการพัฒนาการผ่าตัดมาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันสามารถผ่าตัดด้วยการใช้หุ่นยนต์ได้แล้ว ซึ่งหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดนี้จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ โดยแพทย์ทำหน้าที่ดูแลควบคุมการผ่าตัด ซึ่งการใช้วิธีรักษาโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด ช่วยให้การผ่าตัดมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีโอกาสผิดพลาดต่ำมากเพียง 1 องศา หรือ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ต่างจากการผ่าตัดปกติทั่วไปที่อาจมีความผิดพลาดมากกว่า 3 องศา หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เท่ากับประมาณ 10-15% เลยทีเดียว

การผ่าตัดข้อเข่าเหมาะกับใคร

ผู้ที่ปวดเข่าจนเกิดเป็นอาการเรื้อรัง เรียกว่าถึงขั้นเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม หรืออาจเคยได้รับการผ่าตัดโดยวิธีปกติแล้ว แต่หลังผ่าตัด เกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้มีอาการเข่างอ เข่ายึด เข่างอไม่เข้า เข่าหลุด หรือการใช้เข่าเทียมที่เคยผ่าตัดโดยวิธีปกติ ไม่สามารถใช้งานได้เป็นธรรมชาติเหมือนเดิม เช่น นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ หรือนั่งขัดสมาธิ ได้ไม่ปกตินั่นเอง

ก่อนการผ่าตัดข้อเข่าต้องเตรียมตัวอย่างไร

1. เริ่มด้วยการทำ CT Scan ข้อเข่า เพื่อที่แพทย์จะได้มีการเตรียมข้อมูลประกอบการวางแผนในการผ่าตัด ให้เกิดความแม่นยำและมีประสิทธิภาพ
2. นำผล CT Scan มาทำเป็นภาพ 3 มิติ เพื่อวางตำแหน่งข้อเข่าเทียมรวมถึงการผ่าตัด เพื่อให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย
3. หลังจากวางแผนตามข้อ 1 และข้อ 2 แล้ว แพทย์จะนัดวันผ่าตัด โดยก่อนการผ่าตัดต้องมีการตรวจข้อเข่าอีกครั้ง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพ 3 มิติ ที่เตรียมไว้ พร้อมรีเช็กวางตำแหน่งข้อเข่าเทียมให้ดีที่สุด รวมทั้งปรับเรื่องอาการตึงงอของเส้นเอ็น
4. หลังจากรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ ครบถ้วน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะใช้หุ่นยนต์แขนกลติดเลื่อย รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นในการผ่าตัด โดยหุ่นยนต์จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยแพทย์ตรวจสอบตำแหน่งเพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่หากเกิดผิดพลาดขึ้นมาหุ่นยนต์จะล็อกมือของแพทย์ไว้ เพื่อให้ตรงตามตำแหน่งที่วางแผนไว้ ซึ่งความผิดพลาดที่ว่านี้หากเกิดขึ้นจริงๆ ก็จะไม่เกิน 1 มิลลิเมตร
5. หลังผ่าเอาข้อเข่าที่เสื่อมออกมาได้แล้ว ก็จะนำข้อเข่าเทียมที่เตรียมไว้ใส่เข้าไปทดแทน โดยหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดจะทำการตรวจดูรายละเอียดต่างๆ ให้ครบถ้วน ทั้งตำแหน่งการเหยียด งอ ทิศทางการเคลื่อนไหวของเข่าเทียม เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจะใส่เข้าไปตรงตำแหน่งที่เหมาะสม สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
6. หลังจากผ่าตัดข้อเข่า 1-2 วัน แพทย์จะให้ผู้ป่วยฝึกใช้ข้อเข่าด้วยการยืน เดิน เมื่อคล่องแล้วจะเริ่มทำกายภาพบำบัด จนสามารถขึ้นลงบันไดได้ การฝึกทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน ก็กลับบ้านได้

ข้อดีของการผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยหุ่นยนต์

1. แม่นยำ ลดความผิดพลาด เหลือเพียงแค่ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนในขณะทำการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี
2. ปลอดภัยมาก เพราะแพทย์สามารถมองเห็นภาพภายในได้ชัดเจน ลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นบริเวณใกล้เคียง
3. แผลขนาดเล็ก เสียเลือดน้อย หลังการผ่าตัดจะมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย
4. ฟื้นตัวเร็ว สามารถยืนหรือเดินได้ภายใน 1 วัน หลังการผ่าตัด
5. ใช้ข้อเข่าเทียมได้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ สามารถนั่งพื้น คุกเข่า พับเพียบ นั่งขัดสมาธิ วิ่ง หรือออกกำลังกายได้เป็นปกติ
6. ใช้ชีวิตปกติได้ การผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยหุ่นยนต์มีประสิทธิภาพสูง หมดปัญหาอาการปวดเข่าเรื้อรัง คุณภาพชีวิตดีขึ้นเป็นอย่างมาก
7. ยืดอายุการใช้งานข้อเข่าเทียมได้นานขึ้น การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์มีความแม่นยำ ตรงตำแหน่ง ทำให้ข้อเข่าเทียมใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

ปัญหาโรคข้อเข่าเสื่อม ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้อย่างเด็ดขาด หากมีอาการเข่าบวม ปวดเข่ามากๆ หรือปวดเข่าเรื้อรัง ควรต้องรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาทางดูแลรักษาอย่างทันท่วงที เพราะหากปล่อยไว้อาจลุกลามจนกลายเป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตปกติ ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคข้อเข่าเสื่อม อยากสอบถามถึงการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าราคาเท่าไหร่ รวมถึงปรึกษาแนวทางป้องกันที่ถูกวิธี แนะนำให้เข้าไปดูข้อมูลดีๆ และมีประโยชน์ได้ที่ KDMS โรงพยาบาลกระดูกและข้อ ข้อดีมีสุข ที่มีประสบการณ์ในการวินิจฉัยโรค การผ่าตัดข้อเข่าเทียมด้วยหุ่นยนต์ การทำกายภาพบำบัด รักษาคนไข้โรคกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ อย่างมีประสิทธิภาพ