ครั้งแรกในอาเซียน เออาร์วี จับมือ ไอบีเอ็ม ยกระดับการยืนยันตัวตนองค์กรด้วยระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ

31 ม.ค. 2565 | 16:06 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2565 | 23:09 น.

ครั้งแรกในอาเซียน เออาร์วี จับมือ ไอบีเอ็ม ยกระดับการยืนยันตัวตนองค์กรด้วยระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 31 มกราคม 2565: เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส (เออาร์วี) บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์ในเครือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดตัวแพลตฟอร์ม National Digital Corporate Identity (NCID) หรือระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านบล็อกเชน ที่ร่วมพัฒนากับ IBM Consulting 

แพลตฟอร์มพิสูจน์และยืนยันตัวตนดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรและธนาคารไทยดำเนินกระบวนการ KYC ได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น จากรูปแบบการดำเนินการในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับเอกสารจำนวนมาก ส่งผลให้ใช้เวลาในการดำเนินการมากกว่าหนึ่งเดือน เมื่อนำระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบเข้ามาช่วย ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งจะลดความยุ่งยากในการดำเนินการ และเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจระหว่างนิติบุคคลและธนาคารพาณิชย์ได้มากขึ้น 

แพลตฟอร์ม NCID เป็นระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลระบบแรกในอาเซียน (ASEAN) โดยใช้มาตรฐาน Self-Sovereign Identity บนบล็อกเชนสาธารณะ (Public Blockchain) และการเข้ารหัสกุญแจที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนดโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ระบบ NCID ถูกพัฒนาขึ้นบน IBM Cloud และ Red Hat OpenShift ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัย FIPS 140-2 ระดับ 4 ซึ่งเป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรม ผสานหลักการ Keep-Your-Own-Key ที่รองรับการพัฒนาต่อยอดและขยายการใช้งานในอนาคต 

“วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานที่กำกับดูแล ธนาคารคู่ค้า ตลอดจน  ปตท.สผ. ที่ได้ร่วมมือกันในการศึกษาและแก้ไขปัญหาที่ท้าทายของกระบวนการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนนิติบุคคลในการทำธุรกรรม หรือ onboard process ด้วยเทคโนโลยี Web3" นายสินธู ศตวิริยะ Head of Ventures บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าว "จากการร่วมมือกับไอบีเอ็ม เราได้สร้างแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยซึ่งจะช่วยทำลายข้อจำกัดและสร้างโอกาสมากมายจากธุรกรรมดิจิทัลระหว่างนิติบุคคลและธนาคารพาณิชย์ เราเชื่อว่าแพลตฟอร์มและระบบที่รองรับนี้จะช่วยให้นิติบุคคลในประเทศไทยสามารถเข้าถึงธุรกรรมการเงินดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของระบบนิเวศทางธุรกิจและภาคการเงินในอนาคตอันใกล้ ทั้งยังสอดคล้องกับภารกิจ Smart Financial Infrastructure ที่นำร่องโดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบัน”

“ไอบีเอ็มภูมิใจที่ได้นำเทคโนโลยีขั้นสูง ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่เป็นที่ยอมรับ รวมถึงระบบโครงสร้างพื้นฐานไฮบริดคลาวด์ เข้าช่วยเออาร์วีในการสร้างและนำระบบ Digital ID นี้ สู่การใช้งานจริงในที่สุด” นายสวัสดิ์ อัศดารณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย และ Managing Partner ของไอบีเอ็ม คอนซัลติง กล่าว “แพลตฟอร์ม Digital ID บนบล็อกเชนนี้ จะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะไม่เพียงแต่ระบบจะช่วยลดเวลาในการดำเนินงานลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังนำไปสู่การสร้างมาตรฐานกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนสำหรับธนาคารต่างๆ ในประเทศไทย และสนับสนุนการมุ่งหน้าสู่ระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลครบวงจรในประเทศของเรา”
 
ทั้งนี้ จะมีการเริ่มใช้งานระบบ NCID จริงเป็นครั้งแรกในอาเซียน บน Joint Sandbox ที่ก่อตั้งขึ้นโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และธนาคารแห่งประเทศไทย ในช่วงต้นปี 2565 นี้ และจะเริ่มใช้งานเป็นที่แรกโดย ปตท.สผ. และธนาคารคู่ค้า ในกระบวนการ KYC เพื่อการดำเนินธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริหารเงินและบัญชีธนาคาร

ในฐานะผู้ที่มีส่วนสำคัญในการริเริ่มและสร้างแพลตฟอร์ม ปตท.สผ. จะร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และธนาคารคู่ค้ากว่า 11 แห่ง เพื่อนำร่องใช้งานแพลตฟอร์มนี้ผ่านทาง เออาร์วี