“ไอซ์ รักชนก”แฉ"กองทุนประกันสังคม”ซื้อตึก 7,000 ล้านบาท แพงเว่อร์ คุ้มมั้ย

10 มี.ค. 2568 | 13:13 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มี.ค. 2568 | 13:35 น.

“ไอซ์ รักชนก”ร่ายยาว แฉ “กองทุนประกันสังคม” ซื้อตึกราคา 7,000 ล้าน ทั้งที่ราคาจริง 3,000 ล้านบาท ข้องใจเอื้อประโยชน์ให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือไม่

วันนี้(10 มี.ค. 68)  ที่อาคาร Skyy 9 ถนนพระราม 9 กทม. 2 สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ได้แก่ น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. และ นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ได้ไปแถลงข่าวเกี่ยวกับการลงทุนของกองทุนประกันสังคม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กว่า 7 พันล้านบาท ในการเข้าซื้ออาคารที่มีมูลค่าราว 3 พันล้านบาท

น.ส.รักชนก กล่าวว่า การดำเนินงานของ สปส.ไม่ว่าจะเป็นการใช้งบบริหารสำนักงานกว่า 6 พันล้านบาท หรือ 3% อยู่ในความดำมืด ไม่โปร่งใส หรือการติดขัดปัญหาเอกสารต่าง ๆ รวมถึงการที่ประชาชนตั้งคำถามว่าทำไมสิทธิการรักษาของประชาชน ด้อยกว่าบัตรทอง รวมถึงตั้งคำถามถึงการทำงานของบอร์ดแพทย์ และประเด็นมาตรา 39  

“เรากำลังผลักดันให้ประชาชนกดดันให้สูตรบำนาญนี้ผ่านไปได้ อีกเรื่องคือ การลงทุนของกองทุนประกันสังคม นี่คือหัวใจหลัก การที่กองทุนจะอยู่ได้อีก 25 ปี แล้วจะล้มหรือไม่ ขึ้นอยู่ว่าการนำเงินในกองทุนไปจัดการบริหารอย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ นั่นหมายถึงเงิน 2.6 ล้านล้านบาทในกองทุน วันนี้เป็นแค่พาร์ทหนึ่ง ทำให้เห็นว่า การลงทุนของ สปส.มีปัญหาธรรมาภิบาลอย่างไร” 

                          “ไอซ์ รักชนก”แฉ\"กองทุนประกันสังคม”ซื้อตึก 7,000 ล้านบาท แพงเว่อร์ คุ้มมั้ย

น.ส.รักชนก กล่าวว่า สปส.ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เล่นแร่แปรธาตุซื้อตึกมูลค่า 3 พันล้านบาท ในราคา 7 พันล้านบาท อย่างถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง แต่ต้องถามว่า ความคุ้มค่าเป็นอย่างไร กองทุนประกันสังคม นอกจากลงทุนในตลาดได้ ก็สามารถที่จะลงทุนสิ่งที่เรียกว่าลงทุนนอกตลาดหุ้น คือ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ 

การลงทุนในตึก เนื่องจากในปี 2565-2566 สปส.ใช้เงินกว่า 7 พันล้านบาท ซื้อตึกสำนักงานใหญ่แห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 และตึกนี้ไม่ใช่ตึกที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ ในอดีตช่วงต้มยำกุ้ง เคยเป็นตึกร้างมาก่อน และมีบริษัทที่เข้าไปซื้อตึกนี้มารีโนเวท 

“ราวกับว่า มันประจวบเหมาะพอดี กองทุนประกันสังคมก็ปรับแก้ระเบียบต่าง ๆ แล้วทำการศึกษา แล้วเป็นที่มาของการตัดสินใจลงทุน ตึกแห่งนี้ในช่วงปลายปี 2565 ที่ตัดสินใจซื้อมา ต้องบอกว่า อัตราการเข้าทำกำไร หรือ อัตราการเช่าอยู่ที่ 1% เท่านั้น และก่อนมีการตัดสินลงทุนซื้อตึกนี้ มีการทำแผน โดยแผนดังกล่าวสวยหรูเกินจริงมาก ระบุว่า ผลตอบแทนที่จะได้อย่างเหมาะสม  

เมื่อเริ่มดำเนินการจริง เนื่องจากมีผู้เช่าในปีแรก 1-2% หลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี มีผู้เช่าปัจจุบัน ตัวเลขที่ สปส.รายงาน มีคนเช่าใช้ตึก 40% แต่ต้องบอกว่า น่าสงสัย มีการเบ่งมาแล้ว มีการเก็บตัวเลขที่คาดเดา ผู้ใช้ในอนาคตรวมตรงนี้ด้วย ตัวเลขจริง ๆ อาจต่ำกว่า 40% อาจอยู่ที่ 20-30% เท่านั้นเอง” น.ส.รักชนก ระบุ

                       “ไอซ์ รักชนก”แฉ\"กองทุนประกันสังคม”ซื้อตึก 7,000 ล้านบาท แพงเว่อร์ คุ้มมั้ย

น.ส.รักชนก กล่าวอีกว่า สำคัญที่สุดตึกนี้ทำกำไรที่ผ่านมาปี 2567 ราว 40 ล้านบาท แต่ค่าบริหารจัดการตึกราว 50 ล้านบาท นั่นหมายถึงว่า ถ้าทำกิจการด้วยอัตราแบบนี้ต่อไป ติดลบทุกปี แล้วไม่ต้องพูดถึงว่าจะกำไรตอนไหน เพราะตอนนี้เรียกได้ว่า สถานการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่มีคนเช่าใช้เท่าไหร่ เท่ากับว่า 7 พันล้านบาท ที่ สปส.ทุ่มลงทุนไปในตึกนี้ เรียกได้ว่าสูญเปล่า หรือติดลบก็ได้ 

ดังนั้น อยากชี้ประเด็นว่า ตึกแห่งนี้ถูกตั้งเป้า หรือประเมินคาดการณ์ไว้อย่างสวยหรู แต่ทุกอย่างต่ำกว่าเป้าหมดเลย ไม่ว่าคาดการณ์ไว้ก่อนซื้อว่า ภายใน 2 ปี มีคนมาเช่าใช้ 60% แต่ตัวเลขจริง ๆ ตอนนี้ตามรายงานคือ 40% แต่ตัวเลขที่มาเช่าจริง ๆ อาจ 20-30% เท่านั้น เรียกว่าไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ แต่ถ้าคิดว่ามีคนมาเช่าใช้ 100% ต้องใช้เวลา 30 ปีกว่าที่จะคืนทุน 

แน่นอนว่า เขาอาจบอกว่า อาจโปรโมททำการตลาด พัฒนาย่านค่าเช่าจะเพิ่ม แต่ถ้าตัวเลขปัจจุบันกองทุนประกันสังคมจะเจ๊งในอีก 25 ปีข้างหน้า แต่จะคืนทุนในอีก 30 ปี เท่ากับว่ากองทุนฯเจ๊งไปแล้ว ตึกนี้อาจยังไม่คืนทุนเลย 

“อยากตั้งคำถามว่า กองทุน สปส. ยุคที่ผ่านมา เซ็นให้ลงทุนในการลงทุนนอกตลาดแบบนี้ น่าจะมีปัญหาในเรื่องของธรรมาภิบาล ในการตีความ เอกสารทุกอย่างที่ศึกษาตีความเข้าข้างตัวเอง ยังไม่นับว่ามีคำถามอื่น ๆ อีกมากว่า ทำไมกองทุน สปส.ตัดสินใจใช้เงิน 7 พันล้านบาทลงทุนตึกแห่งเดียว แทนที่กระจายลงทุนสินทรัพย์นอกตลาดอื่น ๆ ทั้งที่มีผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว 

ท่านไม่เคยมีประสบการณ์บริหารจัดการตึก หรือสินทรัพย์แบบนี้ ทำไมตัดสินใจลองทำอะไรแบบนี้ ทั้งที่มีความเสี่ยงมาก และทำไมตัดสินใจทุ่มเงินกว่า 7 พันล้านบาท ของผู้ประกันตน ในตึกที่มีอัตราการเช่าเพียง 1% เท่านั้น น่าสงสัยมาก ๆ”  

น.ส.รักชนก กล่าวด้วยว่า อีกอย่างขอขีดไฮไลต์ ตึก Skyy9 ชื่อเดิมตอนทิ้งร้างชื่อ ไอ.ซี.อี. ช่วงต้มยำกุ้ง ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จนมาถึงช่วงโควิด-19 มีการประเมินมูลค่าตึกนี้อยู่ที่ 3 พันล้านบาท ทำไมกองทุน สปส. ถึงยอมจ่ายเงิน 7 พันล้านบาท เพื่อซื้อตึก 

“อยากตั้งคำถามว่า ใครเป็นเจ้าของ เป็นของนักการเมืองพรรคไหน เกี่ยวข้องกับพรรคที่อยู่ในป่าหรือไม่ น่าสงสัย เพราะท่านอดีต รมว.แรงงาน ก็อยู่พรรคพลังประชารัฐ อยากให้ทุกท่านได้ลองหาข้อมูลดู ตึกนี้ปรับปรุงเสร็จปี 2565 ก็พร้อมขายให้กองทุน สปส.เลย” 

น.ส.รักชนก ตั้งข้อสังเกตว่า ตึกดังกล่าวมีการตบแต่งให้พร้อม เพื่อรอกองทุน สปส.ซื้อเลยหรือไม่ และยังได้ยินข่าวลือมาอีกว่า กองทุน สปส. พยายามย้ายสำนักงานบางส่วนมาใช้ตึกนี้ ต้องบอกว่า make sense เมื่อซื้อมาแล้วก็ได้ แต่นี่คือ การย้ายเงินเข้ากระเป๋าซ้ายขวา เพื่ออยากให้ตัวเลขการใช้ตึกสูงขึ้น ก็แล้วแต่การตัดสินใจ 

                  “ไอซ์ รักชนก”แฉ\"กองทุนประกันสังคม”ซื้อตึก 7,000 ล้านบาท แพงเว่อร์ คุ้มมั้ย

ด้านนายสหัสวัต กล่าวว่า โครงสร้างงานการลงทุนของ สปส. จะทำแผนการลงทุน 5 ปี ขึ้นมาชุดหนึ่ง ออกโดยบอร์ดใหญ่ แต่แผนการลงทุน 5 ปีกำหนดกรอบการลงทุนใหญ่ ๆ ว่าจะมีสัดส่วนอย่างไร โดยคนมีอำนาจตัดสินใจในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ หรือการลงทุนนอกตลาด 
คนที่เซ็นคือ เลขาธิการ สปส. เรื่องการซื้อตึกต่าง ๆ ไม่ต้องผ่านบอร์ด ในช่วงปี 2565 มีความพยายามให้ประกันสังคม ลงทุนนอกตลาดหุ้นมากขึ้น เลยมีการพิจารณาแผนรายปีขึ้นมา แผนรายปีมีตัวละครสำคัญ ช่วงปี 2565  

“ผมตั้งคำถามถึงการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง ในการเข้าซื้อสินทรัพย์ต่าง ๆ เรื่องน่าสนใจอยู่ตรงนี้คือ คนมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการขณะนั้นคือ รมว.แรงงาน มีการแต่งตั้งโยกย้าย เด็กหน้าห้อง ตัวเอง มาอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า กลุ่มงานบริหารความเสี่ยงและกำกับการลงทุน เพื่อทำแผนรายปีในการตัดสินใจว่าจะซื้ออะไร 

เท่านั้นไม่พอ จะต้องตั้งอนุฯ ชุดหนึ่ง ถูกเรียกว่า อนุฯ การลงทุนนอกตลาด คนหน้าห้องคนเดิมก็เข้าไปอยู่ในอนุฯ ชุดนั้นด้วย ไม่พอในชุดนั้น มีที่ปรึกษารัฐมนตรี รมว.แรงงาน ขณะนั้นเข้ามาอยู่ในอนุฯ ด้วย สมมติว่าชื่อ นายพี และมีอดีตเด็กหน้าห้องชื่อสมมติ นายรู เข้ามาอยู่ อนุฯ การลงทุน ที่เป็นคนชี้ตัดสินใจให้เกิดการซื้ออสังหาริมทรัพย์ตึกใดตึกหนึ่งเกิดขึ้น” นายสหัสวัต กล่าว 

นายสหัสวัต กล่าวอีกว่า ประเด็นต่อมา การเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ของ สปส.สามารถทำได้เลย ซื้อตรงได้ แต่การลงทุนซื้อตึกนี้ กลับซับซ้อนเหลือเกิน แทนที่จะซื้อตึกนี้โดยตรง คือ การตั้งกองทรัสต์มากองหนึ่ง มูลค่า 9.8 พันล้านบาท 30% ไปลงทุนในต่างประเทศ มีบริษัทดูแลอย่างดี ตรงนี้ไม่มีปัญหา แต่อีก 70% คือราว 7 พันล้านบาทที่เหลือ กลับมาทุ่มซื้อที่นี่ที่เดียว กองทรัสต์ไปซื้อบริษัทหนึ่ง ซึ่งบริษัทนี้มีสินทรัพย์แค่อย่างเดียวคือตึกนี้ เป็นการลงทุนซ้ำซ้อน พยายามปกปิด กว่าจะหาเจอว่า สปส.ถือครองตึกไหน ใช้เวลานานมาก ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมต้องปกปิดขนาดนี้ 

“ตั้งข้อสงสัยดีลตึกนี้เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมืองหรือไม่ อย่างที่บอกมีการโยกเด็กหน้าห้องมาดำเนินการ ที่ผ่านมาการลงทุนของ สปส.ไม่เคยเปิดเผยต่อประชาชนเลย ซื้อตึกอะไรบ้าง ซื้ออสังหาฯ อะไรบ้าง เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ตราบใดที่การลงทุนของ สปส. อยู่ในมุมมืด อาจเปิดช่องนักการเมืองแทรกแซงเรื่องนี้ได้ การโยกย้ายข้าราชการในปี 2565 เป็นอำนาจ รมว.แรงงาน ขณะนั้น ท่านทราบเรื่องนี้หรือไม่ ถ้าคำสั่งโยกย้ายมาจากท่านจริง ท่านได้ประโยชน์อะไรจากการซื้อตึกนี้” 

นายสหัสวัต กล่าวอีกว่า คนที่ลงนามซื้อตึกนี้ขณะนั้นคือ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เมื่อครั้งเป็นเลขาธิการ สปส. ที่ตอนนี้เป็นปลัดกระทรวงแรงงาน คนนี้คีย์แมนทำงานสำคัญในการทำงานของ สปส. 

“ฝากถามว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ และอดีต รมว.แรงงาน ขณะนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ดังนั้น รมว.แรงงาน คนปัจจุบัน ในฐานะเจ้ากระทรวง ควรตั้งกรรมการตรวจสอบย้อนหลังเรื่องนี้”

เมื่อถามว่าเรื่องนี้จะถูกนำไปใช้ในศึกซักฟอกหรือไม่ นายสหัสวัต กล่าวว่า ถ้าวันนี้สนุกแล้ว อภิปรายไม่ไว้วางใจจะยิ่งกว่านี้อย่างแน่นอน มีข้อมูลลึกกว่านี้อีกเยอะ  

เมื่อถามว่าหลังจากนี้ต้องการเห็นดำเนินการอย่างไร โดยเฉพาะรมว.แรงงาน ปัจจุบัน น.ส.รักชนก กล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ได้เกิดสมัยท่าน แต่ต้องปัดกวาดบ้านของท่าน มีสิ่งปฏิกูลในบ้านท่าน ก็เรียกร้องว่าท่านต้องทำอะไรบางอย่าง น้อยที่สุดคือ ตั้งกรรมการสอบก่อน”