ศาลรธน.ตีตกคำร้องขอสั่งระงับภาคประชาชนเคลื่อนไหวปม MOU 44 ไทย-กัมพูชา

25 ก.พ. 2568 | 13:38 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.พ. 2568 | 13:47 น.

ศาลรัฐธรรมนูญชี้ภาคประชาชนเคลื่อนไหวเรียกร้องรัฐเลิก MOU 44 ไทย-กัมพูชา ไร้หลักฐาน-ไกลเกินเหตุใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครอง ตีตกคำร้องขอสั่งระงับเคลื่อนไหว

วันนี้ (25 ก.พ. 68) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ นายนิยม นพรัตน์ (ผู้ร้อง) ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่า บุคคลและกลุ่มบุคคลผู้ถูกร้อง รวม 7 คณะ (ผู้ถูกร้องที่ 1-7) มีพฤติการณ์อันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

โดยการเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ค.ศ. 2001 หรือ MOU 2544 เพื่อทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองกับกลุ่มของพวกตน และก่อความวุ่นวาย จนเกิดสภาพที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เพื่อนำไปสู่การทำรัฐประหาร เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

นายนิยม ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 68 และวันที่ 13 ม.ค. 68 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 อัยการสูงสุดเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสาร ประกอบไม่มีมูลเหตุเพียงพอที่จะรับดำเนินการ เพื่อร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว ได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49วรรคสอง อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่รับดำเนินการตามที่ร้องขอ 
นายนิยม

ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ ผู้ถูกร้องทั้งเจ็ดเลิกการกระทำดังกล่าว 

 

โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ คำร้องปรากฏว่า การกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 ถึงที่ 7 ตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้างเป็นการแสดงความคิดเห็นและทำกิจกรรมทางการเมือง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคัดค้าน MOU 2544 ซึ่งเป็นสิทธิหรือเสรีภาพในการตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล

ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือพยานหลักฐานอื่นที่ชัดเจนเพียงพอ และยังห่างไกลเกินกว่าเหตุที่แสดงให้เห็นได้ว่า ผู้ถูกร้องทั้งเจ็ดได้กระทำให้เป็นผลล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง