กกต.เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ 47.1 ล้านคน โคราชมากสุด

29 ม.ค. 2568 | 17:56 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ม.ค. 2568 | 18:10 น.

กกต.เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ 47.1 ล้านคน “โคราชมาก”มากสุด 2,097,731 คน ตามด้วย อุบลราชธานี 1,462,057 คน “ระนอง” น้อยสุด 138,299 คน

วันนี้(29 ม.ค. 68) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่เสาร์ที่  1 กุมภาพันธ์ 2568  

พบ ตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 76 จังหวัด จำนวน 47,178,655 คน โดย 5 จังหวัดที่มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุด  ประกอบด้วย

นครราชสีมา ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง  2,097,731 คน  

อุบลราชธานี ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,462,057 คน  

ขอนแก่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,428,544 คน  

เชียงใหม่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,313,691 คน 

บุรีรัมย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,240,482 คน  

                              กกต.เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ.ทั่วประเทศ 47.1 ล้านคน โคราชมากสุด

ขณะที่จังหวัดที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด 5 อันดับ ประกอบด้วย 

ระนอง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 138,299 คน 

สิงห์บุรี ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 164,742 คน 

ตราด ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 171,904 คน  

นครนายก ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 206,168 คน  

อ่างทอง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 220,236 คน

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ว่า เท่าที่ติดตามและไปมาด้วยตัวเองหลายจังหวัด เช่น อุดรธานี เลย จันทบุรี ตราด เชียงใหม่ และวันนี้ที่จังหวัดลำปาง พบว่าทุกจังหวัดมีความพร้อม เพราะได้มีการเตรียมงานกันมาอย่างต่อเนื่อง 

โดยในส่วนของจังหวัดลำปางขณะนี้มีเรื่องร้องเรียน 5 เรื่อง น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่มี 9 เรื่อง ซึ่งก็หวังว่าเรื่องร้องเรียนจะไม่สูงกว่าการเลือกตั้ง อบจ.เมื่อปี 2563 เพราะเชื่อว่า ผู้เกี่ยวข้อง ผู้สมัคร ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ย่อมตระหนักดีอยู่แล้ว ว่าอะไรที่ควรหรือไม่ควรทำ 

ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นการฝ่าฝืนก่อให้เกิดคำร้องก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาก และก็หวังว่าในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ภาพรวมเรื่องร้องเรียนทั่วประเทศจะไม่สูงเท่าปี 2563 ที่มีคำร้องทั้งหมด 718 เรื่อง โดยการทำงานของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำให้จำนวนคำร้องลดลง

อย่างไรก็ตาม คำร้องที่มีเข้ามาในขณะนี้มีทุกลักษณะความผิด ที่มาตรา 65 พ.ร.บ การเลือกตั้งท้องถิ่นกำหนดไว้ แต่อันดับ 1 คือการร้องเรื่องซื้อเสียง ซึ่งเราพยายามป้องกัน ป้องปรามไม่ให้เกิด โดยในทุกจังหวัดเรามีการตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง ชุดเคลื่อนที่เร็ว จัดตั้งหมู่บ้านไม่ขายเสียง กระบวนการเหล่านี้ เราพยายามป้องปราม ไม่ให้เกิดการกระทำผิดซื้อเสียง

แต่นอกเหนือจากการทำงานของ กกต.แล้วหากมีผู้ใดมีข้อมูลการทุจริตก็ขอให้ความร่วมมือในการให้เบาะแสต่อ กกต. ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์เราก็มีกระบวนการการคุ้มครองพยาน เรื่องที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการในลักษณะนี้ไปไม่น้อย เช่น การกันบุคคลเป็นพยาน หากให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะไม่ดำเนินคดีอาญาต่อผู้นั้น การให้รางวัลแก่ผู้ให้เบาะแสซึ่งจำนวนสูงสุดก็คือ 1 ล้านบาท ซึ่งหวังว่าปัจจัยเหล่านี้จะสามารถช่วยป้องกันการซื้อเสียงได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม เราดูแลเรื่องการซื้อเสียงมาโดยตลอด แต่พยานหลักฐานนั้นไม่ใช่หาได้ง่าย ซึ่งเราพยายามที่จะหาพยานหลักฐานเพื่อให้การกระทำผิดนั้นนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิด