วันนี้(29 ม.ค. 68) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ เปิดตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในวันที่เสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568
พบ ตัวเลขผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 76 จังหวัด จำนวน 47,178,655 คน โดย 5 จังหวัดที่มีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากที่สุด ประกอบด้วย
นครราชสีมา ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 2,097,731 คน
อุบลราชธานี ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,462,057 คน
ขอนแก่น ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,428,544 คน
เชียงใหม่ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,313,691 คน
บุรีรัมย์ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1,240,482 คน
ขณะที่จังหวัดที่มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งน้อยที่สุด 5 อันดับ ประกอบด้วย
ระนอง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 138,299 คน
สิงห์บุรี ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 164,742 คน
ตราด ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 171,904 คน
นครนายก ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 206,168 คน
อ่างทอง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 220,236 คน
นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดที่จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ว่า เท่าที่ติดตามและไปมาด้วยตัวเองหลายจังหวัด เช่น อุดรธานี เลย จันทบุรี ตราด เชียงใหม่ และวันนี้ที่จังหวัดลำปาง พบว่าทุกจังหวัดมีความพร้อม เพราะได้มีการเตรียมงานกันมาอย่างต่อเนื่อง
โดยในส่วนของจังหวัดลำปางขณะนี้มีเรื่องร้องเรียน 5 เรื่อง น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่มี 9 เรื่อง ซึ่งก็หวังว่าเรื่องร้องเรียนจะไม่สูงกว่าการเลือกตั้ง อบจ.เมื่อปี 2563 เพราะเชื่อว่า ผู้เกี่ยวข้อง ผู้สมัคร ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ย่อมตระหนักดีอยู่แล้ว ว่าอะไรที่ควรหรือไม่ควรทำ
ฉะนั้นสิ่งที่จะเป็นการฝ่าฝืนก่อให้เกิดคำร้องก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาก และก็หวังว่าในการเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ภาพรวมเรื่องร้องเรียนทั่วประเทศจะไม่สูงเท่าปี 2563 ที่มีคำร้องทั้งหมด 718 เรื่อง โดยการทำงานของผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะทำให้จำนวนคำร้องลดลง
อย่างไรก็ตาม คำร้องที่มีเข้ามาในขณะนี้มีทุกลักษณะความผิด ที่มาตรา 65 พ.ร.บ การเลือกตั้งท้องถิ่นกำหนดไว้ แต่อันดับ 1 คือการร้องเรื่องซื้อเสียง ซึ่งเราพยายามป้องกัน ป้องปรามไม่ให้เกิด โดยในทุกจังหวัดเรามีการตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง ชุดเคลื่อนที่เร็ว จัดตั้งหมู่บ้านไม่ขายเสียง กระบวนการเหล่านี้ เราพยายามป้องปราม ไม่ให้เกิดการกระทำผิดซื้อเสียง
แต่นอกเหนือจากการทำงานของ กกต.แล้วหากมีผู้ใดมีข้อมูลการทุจริตก็ขอให้ความร่วมมือในการให้เบาะแสต่อ กกต. ถ้าข้อมูลเป็นประโยชน์เราก็มีกระบวนการการคุ้มครองพยาน เรื่องที่ผ่านมาก็มีการดำเนินการในลักษณะนี้ไปไม่น้อย เช่น การกันบุคคลเป็นพยาน หากให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ก็จะไม่ดำเนินคดีอาญาต่อผู้นั้น การให้รางวัลแก่ผู้ให้เบาะแสซึ่งจำนวนสูงสุดก็คือ 1 ล้านบาท ซึ่งหวังว่าปัจจัยเหล่านี้จะสามารถช่วยป้องกันการซื้อเสียงได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม เราดูแลเรื่องการซื้อเสียงมาโดยตลอด แต่พยานหลักฐานนั้นไม่ใช่หาได้ง่าย ซึ่งเราพยายามที่จะหาพยานหลักฐานเพื่อให้การกระทำผิดนั้นนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำผิด