วันนี้ (1 พ.ย.66) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ นายสราวุธ เบญจกุล อดีตเลขาฯศาลยุติธรรม ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า กรณีตนเองถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรง เกี่ยวกับการกระทำในขณะดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม
โดยคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) อาศัยอำนาจตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม 2543 มาตรา 22 (1) ที่ให้ก.ต.มีอำนาจดำเนินการทางวินัยแก่ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมได้เช่นเดียวกับข้าราชการตุลาการ ทำให้ตนเองเป็นบุคคลที่ถูกละเมิดสิทธิ หรือ เสรีภาพที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้
และการละเมิดนั้น เป็นผลจากบทบัญญัติ มาตรา 22(1) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 4 มาตรา 26 มาตรา 27 มาตรา 193 และมาตรา 196 นั้น
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 9 4 บัญญัติให้ศาลยุติธรรมเป็นศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง เว้นแต่คดีที่รัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของศาลอื่น
แม้การกระทำของ ก.ต. ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง นายสราวุธ ผู้ร้องชอบที่จะใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรมที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ โดยการฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 194
และมีสิทธิยื่นขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 212 และมาตรา 231 (1) ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้ว
กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47(2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้นผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213 ได้