รายงานพิเศษ : เกม“เตะตัดขา”แจกเงินดิจิทัล

01 พ.ย. 2566 | 10:00 น.
655

ศึกในพรรคร่วมรัฐบาล 2 ส.ส.ภูมิใจไทย “กรวีร์ ปริศนานันทกุล-สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง”ลุยคัดค้านแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท จี้นำเงินไปแก้ปัญหาความเดือดร้อนประชาชนด้านอื่น เตือน“เพื่อไทย”ไม่ไหวอย่าฝืน

ยังอลวน สับสน กับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับคนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป 5.6 ล้านคน วงเงิน 560,000 ล้าน ของ “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่มี เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ นำนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ไปสู่การปฏิบัติ 

ก่อนหน้านี้รัฐบาลโดย นายกฯ เศรษฐา ระบุว่าจะแจกเงินวันที่ 1 ก.พ.2567 หลังจากนั้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ออกมาระบุ 1 ก.พ. แจกไม่ทัน แต่ไม่เกินไตรมาสแรกของปี 2567 คือไม่เกินเดือน มี.ค. 

ในเวลาต่อมา รมช.คลัง คนเดิม ออกมาบอกว่าภายในไตรมาสแรกน่าจะแจกไม่ทัน ต้องเลื่อนไปช่วงเดือน พ.ค. 2567 

มาเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกฯ  ออกมาระบุจะแจกเงินดิจิทัล เดือน ก.ย. 2567 ด้วยเหตุผลเรื่องงบประมาณแผ่นดิน 

รอแจกเงินสะเด็ดน้ำ

ล่าสุดภายหลังการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ 31 ต.ค. 2566 นายกฯ เศรษฐา ออกมาระบุว่า ปัจจุบันมีการให้ข้อมูลกันกระจัดกระจายจากหลายๆคน 

“ขอความกรุณาให้อดใจรอกันนิดหนึ่ง เดี๋ยวข้อมูลทั้งหมดจะออกมาในเร็วๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจำนวน เรื่องของคนรวยจะได้หรือไม่ได้ เรื่องของระยะทาง ระยะเวลา และงบประมาณจะเอามาจากที่ไหน อย่างไร เดี๋ยวจะมีการชี้แจงในครั้งเดียว จะได้ไม่มีข้อสงสัย” นายเศรษฐา กล่าว

ส่วนการจ่ายเงินดิจิทัลจะยังคงเป็นตามไทม์ไลน์เดิมหรือไม่ นายกฯ เศรษฐา กล่าวว่า ได้บอกไปแล้วว่าเรื่องดังกล่าวตนจะพูดอีกครั้ง โดยจะพูดทั้งหมด ทั้งแพ็กเกจ เมื่อทุกอย่างสะเด็ดน้ำแล้ว ตนจะเป็นคนนั่งหัวโต๊ะแถลงเองพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

2 ส.ส.ภูมิใจไทยค้าน

สำหรับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคเพื่อไทย และของรัฐบาลนั้น ล่าสุด มีความเคลื่อนไหวของ 2 ส.ส. ที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง ได้ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน ไม่เห็นด้วยกับนโยบายดังกล่าว 

โดยเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2566 นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งคำถามว่า “ถ้าเลือกได้เงิน 500,000 ล้านบาท ไปทำประปาให้สะอาดทั่วไทย หรือเอาเงินดิจิทัลไว้ใช้ดีกว่า??”      

พร้อมแชร์ข้อเขียนตัวเอง จากเพจ กรวีร์ ปริศนานันทกุล Korrawee เผยถึงการลุกขึ้นหารือในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งสุดท้ายของสมัยประชุม เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ถึงปัญหาของน้ำประปา หลังได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนชาวอ่างทองในทุกอำเภอ โดยมีเนื้อหาระบุว่า 

“น้ำประปาปัญหาใหญ่ เห็นด้วยไหม? ประชุมวันสุดท้าย ผมมีโอกาสลุกขึ้นหารือสะท้อนปัญหาเรื่องน้ำประปาที่ได้รับแจ้งปัญหามาจากทุกอำเภอในอ่างทอง เขตไหนที่ประปาส่วนภูมิภาคพอจะขยายเขตให้ครอบคลุมเพื่อให้เข้าถึงระบบน้ำประปาที่สะอาด มีคุณภาพ อยากให้พิจารณาขยายเขตเพิ่มเติม

พื้นที่นอกเขตจะใช้ประปาหมู่บ้าน สะท้อนปัญหาให้กระทรวงมหาดไทยได้สำรวจว่า มีหมู่ไหน ประปาตัวไหนที่เก่า น้ำดำ น้ำไม่ไหล น้ำไม่ได้คุณภาพ เพื่อแก้ปัญหาในภาพรวมทั้งประเทศ น้ำดื่ม น้ำใช้ ต้องเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิต จะใช้เงินกี่หมื่น กี่แสนล้าน จะใช้เวลาสักกี่ปี ทำเถิดครับ ชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ”

แนะนำเงินแก้ปัญหาอื่น

ถัดมา วันที่ 29 ต.ค. 2566 นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ประเด็นเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลแจก 10,000 บาทนั้น โดยส่วนตัวผมไม่เห็นด้วยที่จะนำมาแจกขณะนี้ 

เนื่องจากวันนี้เองเรามีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดคือสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส วันนี้พี่น้องแรงงานไทยได้รับผลกระทบมาก ประเทศไทยยังต้องใช้งบประมาณในการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้อยู่ และอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอีกหลายเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นวาตภัย อุทกภัย หรือฝุ่น PM2.5 ที่จะเกิดขึ้น 

เหล่านี้คือปัญหาที่จะซ้ำเติมประเทศ ซึ่งถ้าเราใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้าน ไปกับการแจกเงินนั้น ผมคิดว่าประเทศไม่สามารถดำเนินการในกิจการนี้ได้ เรื่องงบกลางงบฉุกเฉินก็ไม่สามารถทำได้ เรื่องการแจกเงินนั้นยังไม่รู้วัตถุประสงค์กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน... 

และผมเห็นด้วยกับประเด็นที่ท่าน ส.ส.กรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก ในกรณีที่นำงบประมาณส่วนนี้มาแก้ปัญหาน้ำประปา ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างมาก

โดยเฉพาะจังหวัดกระบี่ในปัจจุบัน มีการใช้น้ำประปาภูมิภาคเพียงแค่ 26% เท่านั้นเอง และเป็นเมืองท่องเที่ยวด้วย การนำเงินส่วนนี้มาพัฒนาเมืองท่องเที่ยวเพื่อให้มีการขยายตัวของน้ำอุปโภคบริโภคของการประปาภูมิภาค สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่องทางในการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ได้ดีกว่าที่จะนำเงิน 5.6 แสนล้าน มาแจกเป็นรายหัว”

เตือนพท.ไม่ไหวอย่าฝืน 

นายสฤษฏ์พงษ์ ยังให้สัมภาษณ์ว่า "เรื่องอย่างนี้ถ้าไปเจอทางตัน เราก็ไม่ควรไม่บุกเบิกทางตันให้มันมีแสงสว่าง เราอาจจะเลี้ยวกลับมาเพื่อหาแสงสว่างที่ดีกว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ประชาชนจะเข้าใจ ไม่ต้องไปกลัวเรื่องเสียคะแนน เราก็มาขออภัยประชาชน ดีกว่าเดินไปแล้วผู้นำอยู่ในประเทศไม่ได้ ผู้นำประเทศผิดกฎหมาย เราจึงควรมาหาทางออกร่วมกัน"

นายสฤษฏ์พงษ์ กล่าวว่า นโยบายพรรคร่วมรัฐบาลมีหลายนโยบายที่นำมายำรวมกันในนามรัฐบาล บางครั้งก็ต้องเจอปัญหา เหมือนรัฐบาลที่แล้วที่พรรคภูมิใจไทย เคยเสนอนโยบายกัญชาทางการแพทย์ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลก็กลายเป็นนโยบายรัฐบาล แต่เมื่อเดินหน้าไม่ได้ก็ต้องถอยกลับมา เพื่อแก้ไข อย่าไปฝืนในสิ่งที่ทำไม่ได้ 

นายสฤษฏ์พงษ์ ออกตัวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ติดใจหากพรรคเพื่อไทยทำได้ จะได้คะแนนนิยมมากว่าภูมิใจไทย เพราะพรรคก็ได้คะแนนน้อยกว่าพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ในอนาคตมีขึ้นมีลงเป็นธรรมดา แต่ขอให้คิดถึงพี่น้องประชาชน และไม่ทำให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย 

+++
 

"เจษฎ์"จี้พรรคร่วมรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย

รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานคณะนิติศาสตร์วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย แสดงความเห็นถึงนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาล ว่า นโยบายประชานิยมมักมากับการหาเสียง และผลักดันช่วงเป็นรัฐบาล แต่การนำมาปฏิบัตินั้น ต้องมีแผนดำเนินการอย่างมีหลักเกณฑ์ที่นำไปสู่การปฏิบัติอย่างไร เช่น ใช้เงินจากไหน หากมีเงินจะใช้อย่างไร เหตุผลต้องใช้เงิน ความเสี่ยงคืออะไร หรือมีวิธีอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ 

เมื่อมองแล้วจะพบว่า ไม่ว่าเป็นนโยบายที่พรรคการเมืองหาเสียง หากเป็นประชานิยมเชิงเศรษฐกิจพอได้หากจำเป็น หรือ หากเป็นประชานิยมทางการเมืองนั้น ท้ายสุดจะพาประเทศตกต่ำ หรือภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ซึ่งจากสถิติประเทศในโลกที่ทำประชานิยมทางเศรษฐกิจ หรือ การเมืองมาใช้ มักเกิดความเสียหาย แต่หากจำเป็นต้องทำ ไม่ควรแจกอย่างไร้แผนหรือโครงการ” 

รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าวด้วยว่า ในกรณีที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าแจกเงินดิจิทัล หากอนาคตจะนำความเสียหายมาสู่บ้านเมืองจริง พรรคร่วมรัฐบาลต้องร่วมรับผิดชอบ ทั้ง พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ และ พรรคภูมิใจไทย 

“หากพรรคก้าวไกลเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถอด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ออกจากตำแหน่ง และหากพรรคเพื่อไทยใจถึงส่งสัญญาณไปถึงชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจด้วย”