เล็งโยก“พล.ต.อ.รอย”ข้ามห้วยนั่ง เลขาฯ สมช. เปิดทางคนอื่นขึ้น ผบ.ตร.คนใหม่

09 ก.ย. 2566 | 14:01 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ย. 2566 | 17:18 น.
1.0 k

ทาบทาม “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” แคนดิเดต ผบ.ตร. อาวุโสสูงสุด โอนย้ายข้ามห้วยนั่งเก้าอี้ เลขาฯ สมช. เทียบเท่าระดับ ซี 11 เปิดทาง รอง ผบ.ตร. คนอื่น ขึ้น ผบ.ตร.คนใหม่

วันนี้(9 ก.ย. 66) จากกรณี พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(เลขาฯสมช.)  จะเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 ก.ย. 2566 และยังไม่ได้มีการคัดเลือกใครมาดำรงตำแหน่งเลขาฯสมช.แทนนั้น

ขณะนี้มีกระแสข่าวว่า ได้มีการทาบทาม พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ดูแลงานด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นรองผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุด และเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนหนึ่ง ให้โอนย้ายไปดำรงตำแหน่ง เลขาฯ สมช. ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงขึ้น เทียบเท่าระดับ ซี11 

โดยหากทุกอย่างเป็นไปด้วยความที่เรียบร้อย คาดว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.รอย เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบโอนย้ายมาดำรงตำแหน่ง เลขาฯ สมช.ต่อไป 

อย่างไรก็ตามตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 มาตรา 93 บัญญัติว่า การโอนข้าราชการตำรวจไปรับราชการในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นจะกระทำได้เมื่อเจ้าตัวสมัครใจและส่วนราชการหรือหน่วยงานต้องการจะรับโอนผู้นั้น โดยให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่ขอรับโอนทำความตกลงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ดังนั้นการโอนย้ายพล.ต.อ.รอย ไปดำรงตำแหน่ง เลขาฯ สมช. จะต้องได้รับความสมัครใจจาก พล.ต.อ.รอย ด้วย หาก พล.ต.อ.รอย ไม่เห็นด้วยก็ไม่สามารถโอนย้ายได้

สำหรับ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 เกิดวันที่ 6 ส.ค. 2507 จะเกษียณอายุราชการปี 2567 เป็นนักเรียนเตรียมทหาร(ตท.) รุ่น 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.) รุ่น 40

ผ่านหลักสูตร FBI และหลักสูตรสืบสวนที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย เส้นทางรับราชการตำรวจดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ผกก.7 บก.ทล., ผกก.2 บกทล., รอง ผบก.ทล., รอง ผบก.สบพ., รอง ผบก.ฝรก., ผบก.ทท., รองผบช.ก.ขึ้น ผบช.สันติบาล ขยับมาเป็น ผบช.ศึกษา ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รองผบ.ตร. ดูแลงานด้านความมั่นคง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 14 ก.ย. 2566 นี้ จะมีการประคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) โดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลังเป็นประธาน เพื่อคัดเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ แทน บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้

ทั้งนี้หาก พล.ต.อ.รอย ตัดสินใจโยกข้ามห้วยไปดำรงตำแหน่ง เลขาฯ สมช. จะทำให้เหลือ รอง ผบ.ตร. 3 คน อยู่ในข่ายชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. คนที่ 14 ประกอบด้วย

1. “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีอาวุโสอยู่ในลำดับ 2 นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และ จบปริญญาตรีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 47 เกษียณอายุราชการ ปี 2574 ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าชิงตำแหน่ง และเหลืออายุราชการมากที่สุด โดยจะเกษียณในปี 2574

2. “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. มีอาวุโสอยู่ในลำดับที่ 3 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.) รุ่น 41 ครบวาระเกษียณอายุราชการ ในปี 2569

และ 3. “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. อาวุโสในลำดับ 4 จบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดง รุ่นที่ 38 และปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม

เคย ทำงานเป็นพนักงานในบริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ อยู่ได้ 7 ปี จึงลาออกมาสมัครรับราชการตำรวจ โดยเข้าอบรมหลัก สูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4 จะเกษียณอายุราชการในปี 2567