เผือกร้อน“เศรษฐา”ตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ยึดอาวุโส หรือ ผลงาน

09 ก.ย. 2566 | 09:19 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2566 | 11:37 น.
892

เผือกร้อน“เศรษฐา” ตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ยึดอาวุโส หรือ ผลงาน : เมื่อการแต่งตั้งต้องคำนึงถึงเรื่องความอาวุโส ประสบการณ์ในการทำงาน ก็ไม่จำเป็นเสนอไปว่า ผู้ที่มีอาวุโสสูงสด จะได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่

ผู้บัญชาการทหารของเหล่าทัพต่าง ๆ ลงตัวหมดแล้ว ในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 

จะมีเหลือก็ตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ยังไม่เคาะ แต่รอให้ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ มาเป็นประธาน ก.ตร. และพิจารณาคัดเลือกว่า ใครสมควรที่จะได้เป็น ผบ.ตร. คนที่ 14

โดยมีรายงานว่า ก.ตร. จะประชุมกันในวันที่ 14 ก.ย. 2566 นี้ เพื่อแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ มาแทน บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.

4 ตัวเต็งชิงผบ.ตร.ใหม่

สำหรับผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนที่ 14 ไล่เลียงตามลำดับอาวุโส  พบว่ามี 4 คน ประกอบด้วย

“บิ๊กรอย” พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. มีอาวุโส ลำดับที่ 1 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 และ นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 40 เกษียณอายุราชการ ในปี 2567

ตามด้วย “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. มีอาวุโสอยู่ในลำดับ 2 นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และ จบปริญญาตรีโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 47 เกษียณอายุราชการ ปี 2574 ถือได้ว่าอายุน้อยที่สุดในบรรดาผู้เข้าชิงตำแหน่ง และเหลืออายุราชการมากที่สุด โดยจะเกษียณในปี 2574

ขณะที่ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. มีอาวุโสอยู่ในลำดับที่ 3 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ(นรต.) รุ่น 41 ครบวาระเกษียณอายุราชการ ในปี 2569

และ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. อาวุโสในลำดับ 4 จบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นสิงห์แดง รุ่นที่ 38 และปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม

เคย ทำงานเป็นพนักงานในบริษัท น้ำมันคาลเท็กซ์ อยู่ได้ 7 ปี จึงลาออกมาสมัครรับราชการตำรวจ โดยเข้าอบรมหลัก สูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4

                            เผือกร้อน“เศรษฐา”ตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ยึดอาวุโส หรือ ผลงาน

ให้โชว์วิชั่นชิงผบ.ตร. 

ขณะที่เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ในฐานะ ผบ.ตร. ได้ส่งหนังสือถึง 4 รอง ผบ.ตร. ได้แก่ พล.ต.อ.รอย, พล.ต.อ.สุรเชษฐ์, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ โดยระบุว่า เพื่อให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล โดยให้นายกฯ ท่านใหม่ ได้เป็นผู้พิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ต่อไป

เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี ในการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่จะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. จึงให้ท่านดำเนินการจัดทำผลการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งสรุปสภาพปัญหาการปฏิบัติงาน หรือ สภาพปัญหาของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน และแนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวในอนาคต หากได้รับการคัดเลือกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยจัดทำเป็นเอกสารไม่เกิน 4 แผ่น (ขนาด A4) แล้วส่งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผ่าน สกพ.) ภายในวันที่ 1 ก.ย. 2566 

สำหรับการแต่งตั้ง ผบ.ตร. เมื่อ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.นี้ จะเป็นครั้งแรกที่ ผบ.ตร. ไม่มีอำนาจในการเสนอชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ แต่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 

ทั้งนี้ ในการพิจารณแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ก.ตร. จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยมาตรา 77 ระบุว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

(1) ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอก ซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
มาตรา 78 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1)(2)(3)(4)(5)ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

จุดพลิกผัน ผบ.ตร.

การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตาม มาตรา 77 (1) ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อพนักงานตำรวจผู้มีคุณสมบัติ ตามมาตรา 77(1) โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวน หรือ งานป้องกันปราบปราม เสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อน แล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง

ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ต้องการให้การแต่งตั้ง ผบ.ตร. คำนึงถึงความอาวุโส และความรู้ความสามารถประกอบกัน 

ดังนั้น คณะกรรมการที่พิจารณาจะต้องนำอาวุโสขึ้นมาเป็นเกณฑ์หลักในการพิจารณาก่อน หลังจากนั้นถึงไปพิจารณาประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวน หรือ งานป้องกันปราบปราม และในสายงานอื่นก็ต้องนำมาพิจารณาประกอบด้วย 

ก่อนหน้านี้ ตัวเต็งที่คาดว่าจะได้เป็น ผบ.ตร. คนที่ 14 คือ “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. อาวุโส ในลำดับที่ 4

เมื่อการแต่งตั้งต้องคำนึงถึงเรื่องความอาวุโส ประสบการณ์ในการทำงาน โดยเฉพาะงานสืบสวนสอบสวน งานป้องกันปราบปราม ...ก็ไม่จำเป็นเสนอไปว่า “ผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด” จะได้เป็น ผบ.ตร.คนใหม่ 

ขึ้นอยู่กับ “บิ๊กนิด” เศรษฐา ทวีสิน และ ก.ตร. ทั้งคณะ จะยึด “ความอาวุโส” หรือ “ผลงาน” เป็นหลักในการพิจารณาตัดสินใจเลือก ผบ.ตร.คนที่ 14 

++++

ตั้งผบ.ตร.ยึดเหมาะสม-อาวุโส 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยกล่าวไว้เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2566 ถึง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 จะส่งผลต่อการพิจารณาแต่งตั้งตำรวจได้ยากกว่าเดิมหรือไม่ว่า ยอมรับว่ายุ่งยากกว่าเดิม เพราะได้มีการกำหนดไว้ว่ารายชื่อต้องมาจากที่ไหน ส่งมาตามลำดับอย่างไร และกำหนดจำนวนโควต้าเอาไว้ เช่น ตำแหน่งอะไรขึ้นไปเป็นอะไร 100% ใช้อาวุโส 50% ตำแหน่งอะไรขึ้นไปเป็นอะไร 30% มีเขียนระบุไว้

ส่วน รอง ผบ.ตร.ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ตร. ต้องใช้เรื่องอาวุโสขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช้อาวุโสประกอบ แต่ไม่ได้ใช้อาวุโสเป็นหลัก ไม่เหมือนระดับผู้บัญชาการที่ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.

ความชัดเจนหากพิจารณารอง ผบ.ตร. อันดับ 4 ขึ้นมา รอง ผบ.ตร. ลำดับ 1-3 สามารถฟ้องร้องได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ตอบ ต้องไปดูที่ต้นเรื่องใช้เหตุผลอะไรที่เสนอชื่อต้องบอกเหตุผล ถ้าเหตุผลฟังได้ก็แล้วไป

เหมือนกับคราวที่แล้ว กรณี พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา กับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข โดย พล.ต.อ.ดร.สุวิระ มีอาวุโส แต่คนที่เสนอชื่อได้อธิบายเหตุผลมาว่า ใครเหมาะกว่าเพราะอะไร โดยให้ที่ประชุมเป็นผู้ลงมติ ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงมติตามที่เสนอ แต่ท้ายสุดที่ประชุมดังกล่าวก็ลงมติตาม ผบ.ตร. ตอนนั้นเสนอเรื่องก็จบ

เมื่อถามว่า พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่คนที่มีสิทธิ์เสนอชื่อ ผบ.ตร. ต้องเป็น ผบ.ตร.คนเก่าหรือนายกรัฐมนตรีจะนำเสนอ นายวิษณุกล่าวว่า เป็น ผบ.คนเก่า แต่เนื่องจาก ผบ.คนเก่ามีส่วนได้เสีย ฉะนั้นจึงกลายเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนเสนอ แต่ย้ำว่าเสนอชื่อมาแล้วไม่ได้หมายความว่าจะต้องเอาตามนั้น เพราะการแต่งตั้ง ผบ.ตร. นอกจากเรื่องอาวุโสต้องดูเรื่องความเหมาะสม และอีกหลายอย่างประกอบ