“อลงกรณ์” มั่นใจประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น

17 ธ.ค. 2565 | 20:40 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ธ.ค. 2565 | 03:40 น.

“อลงกรณ์” มั่นใจประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น เร่งเดินหน้าฟื้นศรัทธาประชาชนพร้อมชูธงนำประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจการเมือง

“อลงกรณ์” มั่นใจประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น

 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมนาสมาชิกและเครือข่ายแกนนําพรรคประชาธิปัตย์ 26 จังหวัดภาคกลางและบรรยายพิเศษในหัวข้อ” นโยบายและผลงานพรรคประชาธิปัตย์กับการเลือกตั้งครั้งหน้า”ระหว่างวันที่ 16- 17 ธันวาคมนี้ที่จังหวัดเพชรบุรี

 

 โดยนายอลงกรณ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองพรรคแรกของประเทศอยู่มา76ปีถือเป็นสถาบันทางการเมืองหลักผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและเมื่อเป็นรัฐบาลได้สร้างผลงานเป็นรูปธรรมมาหลายยุคหลายสมัยในการวางรากฐานเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศโดยเฉพาะในช่วง30ปีที่ผ่านมา(2535-2565)ตั้งแต่ยุคหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันครอบคลุมการพัฒนาประเทศทุกมิติ

“อลงกรณ์” มั่นใจประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น

เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การพัฒนาท้องถิ่น การกระจายอำนาจ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาการศึกษาและการสาธารณสุข เช่นการจัดตั้ง กระทรวงแรงงาน กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา โครงการนมโรงเรียนและอาหารกลางวัน องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล( รพสต. ) กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร มหาวิทยาลัยภูมิภาค ถนนสี่เลน รถไฟทางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โฉนดชุมชน

 

 

การปฏิรูปที่ดิน กองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โครงการประกันรายได้เกษตรกร ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม77จังหวัด คณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน7,255ตำบล และการสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออกกว่า8.5ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านมา เป็นต้นและในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางการเมืองและทางเศรษฐกิจเช่นต้มยำกุ้งและแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารจนประเทศรอดพ้นปลอดภัยจากวิกฤติหลายต่อหลายครั้ง

 

นายอลงกรณ์กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมีศักยภาพมากแต่สูญเสียโอกาสเพราะเหตุแห่งการคอรัปชั่นและความขัดแย้งทางการเมืองแบ่งแยกประชาชนเป็น2ฝ่ายต่อสู้ห้ำหั่นกันจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากนำไปสู่การรัฐประหารถึง2ครั้งแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้ นับเป็นปัญหาวิกฤติเรื้อรังที่บั่นทอนอนาคตของประเทศมาตลอด20ปี

“อลงกรณ์” มั่นใจประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น

 

3 ปีกว่า ที่พรรคประชาธิปัตย์แสดงให้เห็นถึงการถอยออกจากวังวนความขัดแย้งมุ่งมั่นตั้งใจทำงานมีจุดยืนชัดเจนที่จะคลี่คลายแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยและพร้อมที่จะร่วมเป็นผู้นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะสถาบันทางการเมืองหลักจะต้องสร้างความเชื่อมั่นทำให้ประชาชนเห็นถึงความเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง(Strong Leadership)มีทักษะประสบการณ์ความสามารถและจุดยืนประชาธิปไตยที่มั่นคง

 

 

พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลและเป็นทางเลือกที่ดีกว่า 2 ขั้วความขัดแย้ง สามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤตการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจเพื่อให้การเลือกตั้งในปี2566 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นก้าวใหม่ของประเทศ

 

 

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ภาคกลาง 26 จังหวัดซึ่งมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลรับผิดชอบมี ส.ส. 8คน มีสาขาพรรค สมาชิกพรรคและว่าที่ผู้สมัครที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ 76 ปี ของพรรคคือ 76 ปี ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกอยู่ทุกหนแห่งทั่วประเทศ

 

“อลงกรณ์” มั่นใจประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส. เพิ่มขึ้น

"ขอให้สมาชิกพรรคและแกนนำพรรรร่วมกันรณรงค์สนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ในแบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดภาคกลางจะได้รับการเลือกตั้งมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้าจากผลงาน3ปีกว่าที่ผ่านมาและนโยบายที่ทันสมัยตอบโจทย์อนาคตของประชาชนและสามารถสร้างขีดความสามารถของประเทศเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทุกคน" นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด