“นิพิฏฐ์”ออกโรงเคลียร์ศึก“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”พูดพาดพิง ปชป.

15 ต.ค. 2565 | 11:41 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ต.ค. 2565 | 18:50 น.

"นิพิฏฐ์"ชี้"สมคิด"พาดพิงปชป. พูดตามสไตล์เพื่อดึงดูดคนฟัง ย้ำ "สมคิด"มีพลังดึงดูดทั้งเศรษฐกิจ การเมือง เป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนใต้ ด้าน"เดชอิศม์"ระบุไม่ส่งผลกระทบคะแนนเสียง มั่นใจปชป.กวาด ส.ส.ใต้มากกว่า 35 ที่นั่ง

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย กล่าวในรายการ “คมชัดลึก” ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22  เมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2565 ถึงกรณีการลงพื้นที่ของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) และกล่าวพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งเป็นพรรคหลักในพื้นที่ภาคใต้ว่า การพูดของ นายสมคิด เป็นการพูดตามสไตล์ ต้องพูดถึงเรื่องการเมืองบ้างเพื่อดึงดูดคนฟัง แต่ไม่ได้เป็นการพูดที่รุนแรง มีกระทบกระทั้งบ้าง 


ส่วนประเด็นที่พูดถึงความโสมมนั้น เป็นการพูดภาพรวมทั้งประเทศ ไม่ได้พูดถึงเฉพาะภาคใต้  ขณะนี้ในทางการเมืองถือเป็นการเข้าสู่ช่วงที่ 2 ก่อนจะมีประกาศกฤษฎีกาการเลือกตั้ง จึงต้องมีการพูดเพื่อสื่อสารให้ประชาชนมากขึ้น และในส่วนของสถานการณ์ภาคใต้ ก็จำเป็นต้องพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นเจ้าสนามในพื้นที่ภาคใต้  ขณะที่ นายสมคิด เป็นคนที่พูดได้ครบเครื่องทั้งเศรษฐกิจ สังคม แล ะการเมือง เป็นคนพูดที่มีพลังคนหนึ่ง 

“การพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่ได้สร้างแผล ที่จะสร้างความบาดหมางใดๆ  เหมือนกับตอนที่ผมออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์  เวลาผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์พูดถึงแรงกว่านี้ และในส่วนของเรา เราพูดถึง ก็เป็นการพูดในเชิงหลักการ เราสู้ด้วยความคิด ไม่แตะตัวบุคคล ดังนั้นหลังการเลือกตั้งก็ยังคุยกันได้ ทุกวันนี้ผมออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยังคุยกับคนในพรรคได้” นายนิพิฏฐ์ กล่าว  

 

ส่วนประเด็นการต่อสู้ในสนามเลือกตั้งภาคใต้นั้น ทางพรรคสร้างอนาคตไทย จะต้องสร้างความรู้สึกให้คนในพื้นที่ให้ได้ว่า ภาคใต้ยังเป็นพื้นที่ที่ยากจน เมื่อเทียบกับความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภาคอื่นๆ  เราต้องเสนอให้เห็นว่าจะต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจของภาคใต้ได้อย่างไร 

“เราต้องคำนึงถึงอนาคตของลูกหลาน จะยึดหลักมุ่งแต่ความเป็นสถาบันการเมือง  เราจะไม่ส่งมอบมรดกความขัดแย้งทางการเมืองไปให้ลูกหลาน  พรรคสร้างอนาคตไทย จะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนภาคใต้ เราจะต้องลดความสุดขั้วทางการเมืองลดความเป็นเหลืองจัด แดงจัดลง”

 

สำหรับประเด็นว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกอีกครั้งหรือไม่นั้น นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคสร้างอนาคตไทย ยังยืนยันว่า สนับสนุน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 


“วันนี้เราก้าวข้าม พล.อ.ประยุทธ์ ไปแล้ว การเดินนโยบายจะเน้นเรื่องปากท้องอย่างเดียว และเรามีจุดเด่นในเรื่องนี้มีทั้ง ดร.สมคิด นายอุตตม สาวนายน   และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ที่เชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจ”


ส่วนพรรคเพื่อไทยที่มีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร  นั้น ส่วนตัวมองว่า ทั้งสองคนประสบความสำเร็จในธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่มีประสบการณ์ระดับประเทศ ก็ต้องให้ประชาชนตัดสินใจว่าจะเลือกคนที่มีประสบการณ์แบบไหน 


ด้าน นายเดชอิศม์ ขาวทอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการเดียวกัน ถึงการลงพื้นที่ภาคใต้ของพรรคสร้างอนาคตไทย ที่พาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ส่วนตัวไม่รู้สึกอะไร เพราะยังมีความสนิทและนับถือกันดี กับนายนิพิฏฐ์  เพราะเป็นคนชักนำให้เข้าพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ


ส่วนกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ พูดถึงภาคใต้ว่า 10 ที่ผ่านมา ไม่มีความเปลี่ยนแปลง ยังมีปัญหาความยากจนเหมือนเดิมนั้น ต้องย้อนถาม นายสมคิด ว่า 10 ที่ผ่านมา นายสมคิด นั่งเป็นรัฐมนตรี ร่วมเป็นคณะรัฐมนตรี บริหารเศรษฐกิจมาโดยตลอด ทำไมยังเกิดปัญหาความยากจน ตลอด 10 ปีทำไมไม่ทำ 


“สิ่งที่พูดมา วันนี้คนภาคใต้ รู้สึกเฉยๆ ไม่มีผลอะไร  สิ่งที่พรรคจะทำในเรื่องเศรษฐกิจ จะมองทั้งภาพรวมทั้งประเทศ และระดับภูมิภาค และหากสามารถเข้าไปบริหารประเทศจะมีความชัดเจนว่าภาคใต้จะเปลี่ยนแปลง”


นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในสนามการเมืองภาคใต้ครั้งนี้ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการลองเปลี่ยนมาแล้วในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งผลออกมาแล้วว่าเปลี่ยนแล้วไม่เกิดประโยชน์ 


ดังนั้น ความนิยมจึงกลับมาที่พรรคเหมือนเดิม สะท้อนออกมาในการเลือกตั้งซ่อมในสนามเลือกตั้งสงขลา เขต 6 และชุมพร เขต 1 ที่พรรคได้เลือกตั้งกลับมาทั้ง 2 เขต นอกจากนี้ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจและเข้ามาร่วมกิจกรรมกับพรรคจำนวนมาก 


ส่วนการเลือกตั้งที่จะมีในปี 2566 นั้น แม้จะมีพรรคการเมืองเข้ามาแข่งในสนามการเลือกตั้งภาคใต้มากขึ้น จะส่งผลกระทบดึงเก้าอี้จากพรรคประชาธิปัตย์ไปหรือไม่นั้น นายเดชอิศม์ กล่าวย้ำด้วยความมั่นใจว่า ไม่ส่งผลมากอย่างแน่นอน  พรรคที่แตกตัวออกไปเชื่อว่า จะไม่ได้เก้าอี้ ส.ส.แม้แต่ตัวเดียว 


เพราะวันนี้พรรคได้ตั้งหลักใหม่อย่างมั่นคง เชื่อว่า พระประชาธิปัตย์จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง เพราะมีการสำรวจคะแนนนิยมมาโดยตลอด และทุกพรรคก็มีการสำรวจคะแนนนิยมเช่นกัน ทำให้ทุกวันที่มีการพูดพาดพิงเพราะต้องการทำลายความนิยมของพรรคลง หลายพรรคอาจจะมองว่าเจาะฐานภาคใต้ง่ายมากกว่าภาคอื่น แต่จริงๆ แล้ว เป็นเรื่องยากมาก 


สำหรับเป้าหมายเก้าอี้ ส.ส. ในการเลือกตั้งปี 2566 นั้น เดิมคาดว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 35 ที่นั่ง  แต่ถึงวันนี้มั่นใจว่าจะได้มากกว่า 35 ที่นั่ง อย่างแน่นอน ส่วนจะเท่าไรนั้น ยังไม่ยากบอกตัวเลขก่อน โดยการวางตัวผู้สมัครทั้ง 58 เขตเลือกตั้งขณะนี้ได้ตัวแล้วถึง 57 เขต ยังเหลือ เขต 2 ยะลา ที่เดียวเท่านั้น 


ส่วนประเด็นหลังการเลือกตั้งจะยังสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ต้องรอให้ผลการเลือกตั้งออกมาก่อน ต้องดูว่าประชาชนตัดสินใจอย่างไร และในเรื่องนี้ต้องให้ผู้ใหญ่ในพรรคเป็นคนพิจารณา