เตือนหัวหน้าพรรคที่เป็นรมต. ลงพื้นที่ให้ระวัง แยกไม่ออกเสี่ยงถูกฟ้องร้อง

วันที่ 22 ก.ย. 2565 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เตรียมแผนการเลือกตั้งกรณีสภาผู้แทนราษฎรครบวาระในวันที่ 23 มีนาคม 2566 ว่า กฎหมายกำหนดให้กกต.ต้องประกาศก่อน 180 วันก่อนที่สภาฯ จะสิ้นสุดลง

 

เพราะฉะนั้นกกต.จึงทำแผน(ซิแนริโอ) 2 แบบคือ ถ้าอยู่จนถึงวันที่ 23 มีนาคม 2566 ต้องเตรียมการว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร เป็นการส่งสัญญาณให้รัฐบาลรู้ แต่หากยุบสภาก่อน ซึ่งไม่เกี่ยวกับกกต. เพียงแต่รัฐบาลต้องรู้ว่าถ้ายุบสภา รัฐบาลต้องทำอะไรและกกต. ต้องดำเนินการอะไรบ้าง

 

เช่น เมื่อมีการยุบสภาก็ต้องเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน หากสภาอยู่ครบวาระก็ให้จัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน หรือจัดการเลือกตั้งวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ซึ่งเป็นการกำหนดรูปแบบไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร และในอดีตที่ผ่านมาก็ทำเช่นนี้ทุกครั้ง

ส่วนกรณีที่กกต.เตรียมออกหลักเกณฑ์เตือนพรรคการเมืองและผู้สมัคร ส.ส. ห้ามทำผิดกฏหมายช่วง  180 วัน ก่อนหมดอายุสภา นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นความรอบคอบที่ต้องเตือน ซึ่งที่ผ่านมาไม่จำเป็นต้องเตือนเพราะมีกฎหมาย ว่าด้วยการเลือกตั้ง แต่เนื่องจากขณะนี้กฎหมายเลือกตั้งอยู่ระหว่างการแก้ไข จึงยังต้องใช้กฎหมายเลือกตั้งฉบับเติม

 

และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งก็ต้องใช้กฎหมายเลือกตั้งฉบับใหม่ จึงอยู่ระหว่างกฎหมายเก่าและกฎหมายใหม่ กกต.เลยออกคู่มือเตรียมการณ์เอาไว้ ทั้งเรื่องการแจกเงิน การหาเสียง

“ผมได้ประสานไปยังกกต.ให้ส่งประกาศมายังรัฐบาล เพื่อนำไปประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป คาดว่ากกต.จะส่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวมายังรัฐบาลภายในวันนี้ (22 ก.ย.) เพราะต้องมีผลก่อนวันที่ 24 ก.ย.65 ทั้งนี้ การออกหลักเกณฑ์ของ กกต. ในซีกของรัฐบาลก็ต้องเตรียมการ หากมีใครไปทำอะไรในฐานะพรรคการเมือง

 

แต่หากทำในฐานะรัฐมนตรีถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ซึ่งกรณีสวมหมวกสองใบ ทั้งเป็นรัฐมนตรีและเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองก็ต้องระมัดระวัง ซึ่งผมเห็นร่างประกาศคร่าว ๆ แล้ว เช่น กรณีแจกเงิน ซึ่งห้ามเฉพาะผู้สมัครส.ส.และพรรคการเมือง แต่ถ้าเป็นรัฐมนตรีไม่เป็นไร เพียงแต่ในอนาคตหากไปเป็นผู้สมัครส.ส.ก็ต้องระวัง หากแยกไม่ออก อาจจะเกิดการฟ้องร้องกันได้” นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่าคนที่เป็น หัวหน้าพรรคและเป็นรัฐมนตรีจะต้องระวังเรื่องการใช้จ่ายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะนำประกาศนี้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีทราบในสัปดาห์หน้า

 

นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีรัฐบาลอยู่ครบเทอม ไม่ต้องดำเนินการอะไร เพราะ กกต.จะเป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง การรับสมัคร แต่หากมีการยุบสภา รัฐบาลจะต้องออกพระราชกฤษฎีกายุบสภา เท่านั้น ส่วน ประกาศวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. ต้องดำเนินการภายใน 5 วัน

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีสามารถพูดได้หรือไม่จะยุบสภาหลังการประชุมเอเปค นายวิษณุ กล่าวว่า สามารถพูดได้ เพราะเป็นอำนาจในการยุบสภา แต่คงไม่ใช่เรื่องจับให้มั่นคั้นให้ตาย และเมื่อถามกันมาก ก็มีคำตอบว่า เอาไว้ว่ากันหลังเอเปค

 

ส่วนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ เนื่องจากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ยังสามารถรักษาการและประกาศยุบสภาได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในทางทฤษฎีได้ แต่ในทางปฏิบัติ เคยบอกแล้วว่าไม่ควร ที่ใช้คำว่าไม่ควรเพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 169 ระบุว่าในกรณีที่นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง จะรักษาการนายกรัฐมนตรีไม่ได้

 

“กรณีดำรงตำแหน่ง 8 ปี ไม่ได้อยู่ในข้อกฎหมายมาตรานี้ ก็แปลว่ารักษาการได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติถือว่าไม่สมควร ผมเชื่อว่าความควรไม่ควร ทุกคนก็รู้อยู่”นายวิษณุ กล่าว

 

ส่วนกรณีหากยุบสภา นายกรัฐมนตรีจะต้องแจ้งล่วงหน้าหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า คิดไว้ก่อน ก็คงต้องคิดเอาไว้ทุกรูปแบบ ส่วนจะบอกล่วงหน้าหรือไม่ บางครั้งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาไม่บอกใครเลย นอกจากเลขาธิการครม. แต่ในบางครั้งก็หารือ เป็นการภายในกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล

 

เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยวาระการดำรตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปีในส่วนที่ฝ่ายค้านถามเท่านั้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ตามหลักการต้องวินิจฉัยตามคำฟ้องหรือเกินคำขอ

 

เมื่อถามว่าตามประสบการณ์ทางการเมือง มองบรรยากาศบ้านเมืองช่วงนี้อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า หากมองบรรยากาศการเมือง ดูแล้วไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม พร้อมกล่าวติดตลกว่า ไม่มีอะไร บ้านเมืองเปียก ฝนตก น้ำท่วม รถติดและไม่ได้กลิ่นอะไรทางการเมือง เพราะตนใส่หน้ากากอยู่ ขออย่าไปคาดการณ์อะไร เพราะเหลือเวลาอีกอาทิตย์เดียวก็จะถึงวันที่ 30 ก.ย.ก็รู้เรื่องแล้ว