“บิ๊กตู่” ดันภูเก็ตโมเดล “เมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ”ต่อยอดสู่จังหวัดอื่น

07 มิ.ย. 2565 | 14:21 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มิ.ย. 2565 | 21:54 น.

“บิ๊กตู่” ดันภูเก็ตโมเดล “เมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ” หวังต่อยอดความสำเร็จ สู่จังหวัดอื่น เทียบชั้นโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”ที่ทำสำเร็จมาแล้ว

วันที่ 7 มิ.ย. 65 เพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha” ได้โพสต์ข้อความ โดยระบุว่า “พี่น้องประชาชนที่รักครับ

 

ช่วงบ่ายวานนี้ (6 มิ.ย. 65) ผมมีภารกิจสำคัญในการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อสนับสนุนการผลักดันให้จังหวัดภูเก็ต สามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ปี 2566 – 2570 คือ การเป็น “ศูนย์กลางการท่องเที่ยว การศึกษา นวัตกรรมบริการ ในระดับนานาชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ 20 ปีของรัฐบาล

 

ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่องในหลายเรื่อง ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม ทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) ที่มีความจำเป็นในการพัฒนาต่อยอดให้ภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Hub)

 

ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ (Medical Service) ตลอดจนเป็นเมือง Smart City ที่มีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงครอบคลุมทั้งจังหวัด รองรับทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดยผมได้เข้าร่วมกิจกรรมสำคัญ 2 โครงการ คือ

 

1. โครงการพัฒนาและยกระดับคุณภาพการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Partnership School Project) ที่เกิดจากความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต เครือเซ็นทรัลกรุ๊ป วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต และโรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนกลุ่มเปราะบาง ยากจน ด้อยโอกาส ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

 

เพื่อส่งเสริมและพัฒนาให้นักเรียนได้มีทักษะด้านภาษาอังกฤษ ทักษะเทคโนโลยีดิจิทัล และทักษะความเป็นผู้ประกอบการ ตอบโจทย์การพัฒนาทรัพยากรคนและแรงงานในพื้นที่ ให้มั่นใจว่าเรียนจบแล้วมีงานทำแน่นอน

 

2. การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่จัดขึ้นเพื่อระดมสมอง ในการกำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของไทย ภายใต้ชื่อ Thailand Tourism Congress 2022 โดยในกิจกรรมนี้ ผมได้มอบ “ยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม” หรือที่เรียกตัวย่อว่า “SMILES” สำหรับเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อยอดรอบด้าน และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาของโลก ดังนี้
 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

S – Sustainability คือ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทั้งเรื่องการใช้พลังงาน Carbon Footprint ไปจนถึง Food Waste

 

M – Manpower คือ ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ทางด้านการท่องเที่ยว ที่มีทักษะในระดับนานาชาติ แต่รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างมีเสน่ห์

I – Inclusive Economy คือ ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม จากคนทุกเพศ ทุกวัย เด็ก คนชรา ในการออกแบบสถานที่การท่องเที่ยวที่ตอบสนองคนทุกกลุ่ม และสร้างโอกาสในการทำงานด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้ด้อยโอกาส

 

L – Localization คือ ให้ความสำคัญกับอัตลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ ชูจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยนำมาร้อยเรียงกันและสนับสนุนกัน ซึ่งผมอยากเห็นการเชื่อมโยงของภูมิภาค ที่สามารถนำกลุ่มจังหวัดไปประสานและสอดรับกันได้

 

E – Ecosystems คือ ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางการท่องเที่ยว ทั้งเรื่องระบบนิเวศธรรมชาติและระบบนิเวศทางธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว รวมถึงการลดเงื่อนไขและขั้นตอนทางด้านกฎหมาย เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงได้

 

S – Social Innovation คือ ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านสังคม ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความสอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป

 

ทั้งนี้ ผมคาดหวังว่าจังหวัดภูเก็ต จะเป็นโมเดลของ “เมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ” ที่สามารถแชร์และต่อยอดความสำเร็จนี้ ไปสู่เมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ของประเทศไทย

 

เช่นเดียวกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วจาก"โครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยได้อย่างยั่งยืน เกิดการกระจายความเจริญ กระจายรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ ที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์ในแต่ละท้องถิ่น ชูความโดดเด่นของท้องถิ่นสู่ระดับสากลต่อไปครับ