หั่นงบกรมอุทยานฯ90ลบ. เหลือ10ลบ. ไม่พอแบกชีวิตสัตว์ป่า 2.6 หมื่นตัว

11 มี.ค. 2565 | 08:36 น.
อัปเดตล่าสุด :11 มี.ค. 2565 | 15:56 น.

กระทรวงทรัพยฯแจงงบกรมอุทยานฯถูกตัด เหลือเพียงปีละ 10 ล้านบาทจากเดิมได้รับปีละ 90 ล้านบาท สวนทางกับปริมาณสัตว์ป่าของกลางที่ต้องดูแลกว่า 2.6หมื่นตัวใช้งบดูแลอย่างน้อยปีละ 55 ล้าน

กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ถูกลดงบประมาณดูแลสัตว์ป่า จากเดิมได้รับปีละ 90 ล้านบาท กระทั่งช่วงสถานการณ์โควิดทำให้เหลืองบปีละ 10 ล้านบาท  ซึ่งสวนทางกับจำนวนสัตว์ป่าของกลางที่เพิ่มขึ้น ที่ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อยปีละ 55 ล้าน เพื่อดูแลสัตว์ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 2.6 หมื่นตัว เร่งขออาหารเลี้ยงสัตว์ป่าด่วน 

 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปอดเผยบนเฟสบุ๊คส่วนตัว TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา ว่า“งบกรมอุทยานฯถูกตัด เราจะดูแลสัตว์ป่า กว่า 26,000 ตัวอย่างไร? ภายใต้งบประมาณที่มีจำกัด โดยยังคงรักษามาตรฐานการคุ้มครองสวัสดิภาพของสัตว์ป่าทุกชีวิต เชื่อว่าคนรักสัตว์ป่าหลายท่าน คงได้ทราบข่าวและกังวลใจกรณีกรมอุทยานฯ ถูกลดงบประมาณดูแลสัตว์ป่า จากเดิมก่อนยุคโควิดได้รับปีละ 90 ล้านบาท เหลือเพียง 10 ล้านบาท ซึ่งสวนทางกับจำนวนสัตว์ป่าของกลางที่เพิ่มขึ้น ที่ต้องใช้งบประมาณอย่างน้อยปีละ 55 ล้าน เพื่อดูแลสัตว์ในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 2.6 หมื่นตัว
 

เบื้องต้น พวกเราได้เร่งหาหนทางแก้ไขปัญหา เพื่อให้แน่ใจได้ว่า สัตว์ป่าทุกตัวจะได้กินอิ่ม ไม่ต้องทุกข์ทรมานจากการอดอยาก โดยเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กรมอุทยานฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ร่วมกับบริษัท สยามแม็คโครฯ เพื่อนำ “อาหารส่วนเกิน” ที่เหลือจากการจำหน่ายของห้างสรรพสินค้าในเครือแมคโคร มาบริจาคใช้เป็นอาหารสัตว์ป่า เพื่อทดแทนในส่วนของงบประมาณอาหารสัตว์ป่าที่หายไป และยังลดปัญหาขยะอาหาร ที่นอกจากสิ้นเปลืองงบประมาณรัฐในการกำจัด แล้วยังก่อให้เกิดก๊าซมีเทนที่เป็นตัวการสร้างภาวะโลกร้อนอีกด้วยครับ

 

ซึ่งบริษัท สยามแม็คโครฯ จะส่งมอบอาหารที่ยังรับประทานได้หรือเรียกว่า“อาหารส่วนเกิน” (Food Waste) ที่เหลือจากการจำหน่าย เช่น ผัก ผลไม้ อาหารสด เป็นต้น ให้หน่วยงานพื้นที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่อยู่ใกล้กับสาขาของศูนย์จำหน่ายสินค้าแม็คโครในแต่ละพื้นที่ ได้แก่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่า 23 แห่ง ศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ป่า 3 แห่ง และศูนย์พัฒนาการจัดการสัตว์ป่าบึงฉวาก 1 แห่ง รวมทั้งสิ้น 27 แห่งครับ
 

สำหรับงบประมาณในปี 2564 และ 2565 ที่ได้รับมาในจำนวนที่ค่อนข้างไม่เพียงพอ ที่ผ่านมากรมอุทยานฯ ได้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการแบ่งเงินจากส่วนอื่นๆ เข้ามาทดแทน เช่น เงินรายได้จากการเข้าชมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ซึ่งมีรายได้ต่อปีประมาณ 10 กว่าล้านบาท

 

โดยปี 2564 อยู่ที่ 16 ล้านบาท ก็นำมาช่วยเหลือดูแลสัตว์เกือบทั้งหมด รวมทั้งประสานงานภาคประชาสังคม และภาคเอกชน ในการรับบริจาคอาหารบางส่วน มาช่วยเหลือสัตว์ป่า อย่างเช่นข้อตกลงที่เราทำร่วมกับแมคโครในครั้งนี้ ซึ่งขณะนี้นอกจากแมคโครแล้ว ผมและทีมงาน ก็กำลังพยายามประสานงานติดต่อห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาเก็ตเครืออื่นๆในประเทศ เพื่อขอรับอาหารส่วนเกินมาเลี้ยงสัตว์ป่าในความดูแลของเราด้วยเช่นกัน


ทั้งนี้ กรมอุทยานฯมีสัตว์ของกลางในคดี และสัตว์ป่วยที่ต้องดูแลเพิ่มขึ้นทุกปี สัตว์หลายชนิดไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ทำให้รายจ่ายที่ใช้ในปีถัดๆไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น เคสเสือโคร่งวัดป่าหลวงตาบัว เป็นสายพันธุ์เบงกอล ไซบีเรีย และพันธุ์ผสมสองสายพันธุ์ ขณะนี้เหลือ 46 ตัว ที่เราต้องเลี้ยงดู จนกว่าจะหมดอายุขัย ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ เนื่องจากสายพันธุ์ไม่ตรงกับเสือโคร่งในป่าไทยที่เป็นสายพันธุ์อินโดจีน อีกทั้งเสือดังกล่าวไม่มีสัญชาตญาณป่า ล่าสัตว์เองไม่เป็น

 

ส่วนสัตว์ป่าที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ ก็จะปล่อยคืนทั้งหมด เช่น ช้างป่าที่ป่วยหรือบาดเจ็บ เมื่อดูแลสุขภาพจนแข็งแรงแล้ว ก็จะปล่อยในพื้นที่ที่มีแหล่งอาหาร หรือถิ่นที่อยู่อาศัยเดิมครับ” เช่นตามที่เสนอข่าวไปแล้วเช่นกัน