"สนธิรัตน์"แนะ วิกฤต"รัสเซีย-ยูเครน" ไทยต้องยืนข้างความถูกต้อง

25 ก.พ. 2565 | 15:00 น.
อัปเดตล่าสุด :04 มี.ค. 2565 | 23:40 น.

"สนธิรัตน์" ชี้ท่ามกลางความขัดแย้ง "รัสเซีย-ยูเครน"รัฐบาลไทยไม่ควรนิ่งเฉย ต้องมีจุดยืนข้างความถูกต้อง รักษาผลประโยชน์ชาติ

วันที่ 25 ก.พ. 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  ผู้ร่วมก่อตั้งและแกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย  โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่าง "รัสเซีย-ยูเครน" ว่า แม้จะไกลจากบ้านเรา แต่ประเทศไทยจำเป็นมาก  ที่จะต้องแสดงท่าที และวางตัวให้เหมาะสม เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาเพียงแค่รัสเซียกับยูเครน แต่เป็นปัญหาที่เกี่ยวโยงอย่างซับซ้อนในการเมืองระหว่างประเทศ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บทบาทที่สำคัญของไทยคือการเป็นมหามิตรของทั้งฝากฝั่งของรัสเซียมายาวนานนับร้อยปีจนถึงปัจจุบัน 

 

แม้กระทั่งในช่วงเวลาที่เป็นสหภาพโซเวียต ไทยเราก็เป็นมิตรที่ดีเสมอมา และในฝากฝั่งของสหรัฐอเมริกา ผู้นำโลกเสรี และบรรดาชาติตะวันตก ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ก็ล้วนแล้วแต่เป็นพันธมิตรที่ดีเสมอมาของไทย ทั้งเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและทางการค้า นี่ยังไม่นับมิตรรักของรัสเซียอย่างประเทศจีน ที่ก็สำคัญมาก ๆ ต่อเศรษฐกิจไทย ขนาดคู่ขัดแย้งโดยตรงอย่างยูเครนเองก็เป็นมิตรที่ดีของเรา มีการติดต่อค้าขายและร่วมมือกันหลายประการ ทั้งเชิงพาณิชย์และความมั่นคงมาตั้งแต่สมัยตนเป็นรัฐมนตรี
 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  แกนนำพรรคสร้างอนาคตไทย

นายสนธิรัตน์ ระบุ เราต้องไม่นิ่งเฉย ประเทศของเราควรมีจุดยืนในการอยู่ข้างประชาคมโลกและความถูกต้อง  ซึ่งสหรัฐอเมริกา คือคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และชาวรัสเซีย คือหนึ่งในแรงหนุนขนาดใหญ่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย ดังนั้นเราจะแสดงท่าทีอย่างไรก็ต้องทบทวนให้ดี  เพราะเราต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเอาไว้ แต่จะเฉยเสียทำเป็นทองไม่รู้ร้อนก็ไม่ได้ เพราะนอกจากการดำเนินการทางการทูตและการเมืองระหว่างประเทศเพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการเมืองและทางเศรษฐกิจแล้ว อีกภาระหน้าที่หนึ่งของประเทศไทยคือความรับผิดชอบต่อประชาคมโลก  อย่างน้อยที่สุดเราก็ต้องเป็นกลางและอยู่ข้างความถูกต้อง 

 

"ผมเชื่อว่าท่ามกลางความขัดแย้งนี้ เราสามารถที่จะรักษาผลประโยชน์ของเราไปพร้อม ๆ กับอยู่ข้างความถูกต้องได้  เราสามารถที่จะสนับสนุนให้เกิดสันติภาพได้ ไม่ใช่ในฐานะมิตรของฝั่งใดฝั่งหนึ่ง แต่เป็นในฐานะของสมาชิกประชาคมโลก" นายสนธิรัตน์ กล่าว 

เราสามารถที่จะรักษาความสัมพันธ์อันดีกับทุกฝั่งฝ่ายได้ไปพร้อม ๆ กับการไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงและความขัดแย้ง  ตนเชื่อว่าตลอดมาในประวัติศาสตร์ไทย นักการทูตของเรานั้น “ชั้นอ๋อง” ไม่แพ้ใครในโลก และจะสามารถรักษาผลประโยชน์ของชาติไปพร้อม ๆ กับวางบทบาทไทยได้อย่างเหมาะสมไม่ยากแน่นอน