“ก้าวไกล”ชิงผู้ว่าฯ กทม. วัดเรตติ้งฐานเสียงคนกรุง

22 ธ.ค. 2564 | 09:00 น.
1.0 k

“พรรคก้าวไกล” มีความชัดเจนแล้วว่า ในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ที่จะมีขึ้นกลางปี 2565 นี้ ทางพรรคจะส่งคนลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แน่นอน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2564 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้โพสต์คลิปวิดีโอผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก ส่งสารสวัสดีปีใหม่ถึงพี่น้องประชาชน ช่วงหนึ่งระบุถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า

 

“ปีหน้าเราสัญญาว่าเราจะพยายามให้มากและทุ่มเททำงานให้หนักกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อให้เรามีเสียงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนมากพอที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นประเทศของประชาชนอย่างแท้จริง
นอกจากนี้เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในปีหน้า ที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน นั่นก็คือ "การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นว่า ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสของการเปลี่ยนแปลง หากประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง ไม่มีโอกาสไหนที่ดีไปกว่าการเข้าคูหาเลือกตั้ง 

 

ดังนั้น เราที่ต้องการเปลี่ยนประเทศไทย จึงพร้อมส่งตัวแทนลงสมัครในทุกสนามการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม เป็นสนามการเลือกตั้งสำคัญที่เราจะส่งผู้สมัครที่ดีที่สุด ที่มีอุดมการณ์ตรงกันกับเรา ที่พี่น้องประชาชนจะเชื่อใจได้ว่าไม่มีวันยืนตรงข้ามกับประชาชนและแนวทางประชาธิปไตย เข้าไปเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานคร

เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ เราต้องส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เป็นเหตุผลเดียวกันกับการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคก้าวไกล

 

เพราะผู้สมัครทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่มีใครเป็นตัวแทนของความฝันและอุดมการณ์ของเราได้อย่างสนิทใจ เราต้องการเห็นผู้แทนของประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกันกับเรา ที่จะต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย ต่อสู้เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยไม่โอนอ่อนให้กับเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา ใดๆ

 

ด้วยเหตุนี้ ที่ประชุมพรรคก้าวไกลจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ส่งผู้สมัครที่มีความฝันและอุดมการณ์ตรงกันกับพรรคเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อให้เรามั่นใจว่าเมื่อถึงคราวที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก 
ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และจะยืนเคียงข้างประชาชนในห้วงยามคับขัน ไม่หลีกลี้หนีหายไป หรือ หันไปซบแทบเท้าอำนาจที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน

 

ผมในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอใช้โอกาสนี้ ขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนที่มีความฝันและอุดมการณ์ร่วมกันกับเรา ช่วยกันทำให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านบัตรเลือกตั้ง ส่งนักการเมืองที่มีเจ้านายคือ ประชาชนเข้าสู่ตำแหน่งบริหาร

 

เสียงของทุกท่านจะสร้างอนาคตใหม่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ขอให้ปีหน้าฟ้าใหม่ เป็นปีประกาศชัยของเรา ประชาชน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ

 

พนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า  เรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมากตอนนี้ ก็คือเรื่อง การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี จะมี “คนรุ่นใหม่” ที่มีสิทธิเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก 

 

“ผมฟันธงได้เลยว่า ผู้ว่าฯ ที่พวกเขาอยากได้ ไม่ใช่ผู้ว่าฯ แบบเดิม ที่มาโฆษณานโยบายว่าจะขุดนั่น เจาะนี่ สร้างนู่น แต่จริงๆ แล้ว พวกเขาต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี อากาศที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดี การบริหารที่มีประสิทธิภาพและทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในสังคม กทม.” นายพนิต ระบุ

 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ณ เดือน ต.ค.2564 พบว่า กทม.มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 4,478,150 คน เป็นผู้ชาย 2,047,984 คน ผู้หญิง 2,430,166 คน
ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2563 พบว่า ในพื้นที่ กทม. บุคคลประเภท “นิวโหวตเตอร์” หรือบุคคลที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกเมื่ออายุ 18 ปี  มีประมาณ 61,622 คน หากมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในปี 2565 จะพบว่า บุคคลอายุ 18 ปีในพื้นที่ กทม. จะมีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งแรกในปี 2565 จำนวน 61,351 คน ซึ่งลดลงเล็กน้อย

 

การที่ “ก้าวไกล” ตัดสินใจส่งคนลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. อาจถือได้ว่าเป็นการ “วัดเรตติ้ง” ความนิยมจากคนเมืองหลวง โดยเฉพาะ “คนรุ่นใหม่” ที่มีต่อพรรคว่ายังดีอยู่หรือไม่

 

เพราะในการเลือกตั้งส.ส.ทั่วไปปี 2562 พรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันเป็นก้าวไกล) ได้ส.ส.กทม.ไปจำนวน 9 ที่นั่งจาก 30 ที่นั่ง และได้คะแนนรวมทั้ง 30 เขตกทม. 800,642 คะแนน

 

มาถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ก่อนที่จะไปสู่การเลือกตั้งส.ส.ในปี 2566 นอกจาก “ก้าวไกล” จะได้ลุ้มเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว พรรคก็จะได้รู้ว่า “คนกรุง” ยังนิยมพรรคก้าวไกลอยู่มากน้อยแค่ไหน...