"บิ๊กตู่" คิกออฟ ฉีดวัคซีนให้นักเรียน รับเปิดเทอม 1 พ.ย.นี้

04 ต.ค. 2564 | 10:44 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ต.ค. 2564 | 17:59 น.

นายกฯเป็นประธาน คิกออฟ การฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้นักเรียนในสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ สร้างเกราะป้องกันให้นักเรียน เปิดเทอมอย่างปลอดภัย 1 พ.ย.นี้

วันที่ 4 ตุลาคม 2564   พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธี คิกออฟ สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม ณ โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์ ถนนลาดพร้าว เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมในพิธี โดยการฉีดวัคซีน ไฟเซอร์ ให้กับนักเรียนที่มีอายุ 12 - 18 ปี เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนอกจากที่โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์แล้ว ยังมีโรงเรียนใน 12 เขตสุขภาพร่วม คิกออฟ การฉีดวัคซีนวันนี้เป็นวันแรกพร้อมกันผ่านระบบซูม

 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า นายกรัฐมนตรีทักทายเด็กนักเรียนที่นั่งรอเข้ารับการฉีดวัคซีน พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้การดูแลเด็ก/เยาวชน ครู อาจารย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ซึ่งเป็นระบบการทำงานของประเทศไทย ที่ส่วนราชการ ฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ ร่วมกันทำงาน ปรึกษาหารือกันเพื่อให้เกิดผลดีกับประเทศชาติบ้านเมือง รัฐบาลห่วงใยในทุกความเดือดร้อนของประชาชนและทุกสถานการณ์ ทั้งโควิด-19 อุทกภัย และเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุด

นายกรัฐมนตรียังกล่าวยินดีที่ได้เป็นประธานในงาน คิกออฟ การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเกราะป้องกันให้แก่เด็กนักเรียน เพื่อเปิดเทอมอย่างปลอดภัย ในการเปิดภาคเรียนวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้ แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะกระทบทั่วโลก แต่การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลจำเป็นต้องรักษาระบบการศึกษาไว้ให้ได้ พร้อมทั้งบริหารจัดการ ส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนการสอนช่วงโควิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งครูมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการปรับวิธีการให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ในช่วงที่เด็ก/เยาวชนเรียนออนไลน์ที่บ้าน อันเป็นช่วงเวลาที่ผู้ปกครองได้ใช้เวลาครอบร่วมกับบุตรหลานด้วย

\"บิ๊กตู่\" คิกออฟ  ฉีดวัคซีนให้นักเรียน รับเปิดเทอม 1 พ.ย.นี้
                 

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก/เยาวชน ในวันนี้เป็นการส่งเสริมความพร้อมด้านการศึกษาให้เดินหน้าต่ออย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับผู้ปกครองเมื่อต้องส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียน โดยเป็นการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เป็นวัคซีนที่สามารถใช้ในกลุ่มเด็กได้ และรัฐบาลจะเดินหน้าจัดหาวัคซีนชนิดอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถเดินหน้าการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การเปิดภาคเรียนที่ 2 สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าในปีหน้าจะมีวัคซีนเพียงพอ รัฐบาลเตรียมแผนวัคซีน 150-170 ล้านโดส ให้ฉีดได้ครบถ้วนตามเป้าหมายไว้ และขอฝากให้เด็กนักเรียนได้มีจุดหมายในการเรียนหนังสือว่าจะเรียนหนังสือไปเพื่ออะไร ขอให้รู้ว่าตนเองชอบสิ่งใด แล้วทำตามความฝัน ทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ แต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพราะทุกคนคืออนาคตของชาติ

      จากนั้น นายกรัฐมนตรีลั่นระฆังโรงเรียนพร้อมกับ 15 โรงเรียน ใน 12 เขตสุขภาพ คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข ก่อนเดินพูดคุยให้กำลังใจนักเรียนและบุคลากร พร้อม ร่วมถ่ายภาพกับพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งนายกรัฐมนตรีย้ำสร้างความมั่นใจว่า การฉีดวัคซีนให้บุตรหลานเยาวชนในวันนี้มีความปลอดภัย พร้อมกล่าวขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ รัฐบาลจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้ครบทุกมิติ