Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้

04 ต.ค. 2564 | 10:23 น.
อัปเดตล่าสุด :04 ต.ค. 2564 | 17:38 น.

นายกฯ เป็นประธาน Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้ ยืนยันปีหน้าจะมีวัคซีนเพียงพอ รัฐบาลเตรียมแผนวัคซีน 150-170 ล้านโดส

"วัคซีนโควิดเด็ก" ล่าสุดวันนี้ (4 ตุลาคม 2564) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีนเด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนในเด็กกับ พ่อแม่ ผู้ปกครอง พร้อมชูมาตรการ Sandbox ลดความเสี่ยงของโควิด ณ โรงเรียนพิบูลย์อุปถัมภ์กรุงเทพมหานคร  

Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวยินดีที่ได้เป็นประธานในงาน Kick off การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างเกราะป้องกันให้แก่เด็กนักเรียน เพื่อเปิดเทอมอย่างปลอดภัย ในการเปิดภาคเรียนวันที่ 1 พฤศจิกายน นี้

เเละระบุว่าการฉีดวัคซีนให้กับเด็ก/เยาวชน ในวันนี้เป็นการส่งเสริมความพร้อมด้านการศึกษาให้เดินหน้าต่ออย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับผู้ปกครองเมื่อต้องส่งบุตรหลานมาเรียนที่โรงเรียน โดยเป็นการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพ ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO เป็นวัคซีนที่สามารถใช้ในกลุ่มเด็กได้ และรัฐบาลจะเดินหน้าจัดหาวัคซีนชนิดอื่นเพิ่มเติม

เพื่อให้สามารถเดินหน้าการฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมทั้งหมด ซึ่งจะทำให้การเปิดภาคเรียนที่ 2 สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง

ยืนยันว่าในปีหน้าจะมีวัคซีนเพียงพอ รัฐบาลเตรียมแผนวัคซีน 150-170 ล้านโดส ให้ฉีดได้ครบถ้วนตามเป้าหมายไว้ 

Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้

ดร.สาธิต  ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุขวางแนวทางฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 12–18 ปี (ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 หรือเทียบเท่า) ประมาณ 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ ระยะแรกได้จัดสรรวัคซีน 2 ล้านโดสในต้นเดือนตุลาคมนี้

Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้

ซึ่งบูรณาการกับงานอนามัยโรงเรียนเพื่อให้เด็กเข้าถึงวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการฉีดวัคซีนไม่ได้เป็นเงื่อนไขในการเปิดเรียนต้นเดือนพฤศจิกายนนี้

แต่การฉีดวัคซีนช่วยให้เด็กวัยเรียน มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ส่วนเด็กที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนก็สามารถเข้าเรียนได้ ควบคู่กับการเข้มงวดมาตรการป้องกันโรค ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

สำหรับเด็กที่มีโรคประจำตัวไม่ได้เรียนหนังสือ หรือกลุ่มนอกระบบการศึกษา สามารถเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลที่รักษาประจำได้ ส่วนเด็กเรียนที่บ้านหรือโฮมสคูล ลงทะเบียนรับวัคซีนกับโรงพยาบาลใกล้บ้านได้เช่นกัน

ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนให้แก่เด็กจะเป็นไปตามความยินยอมของนักเรียนและผู้ปกครอง ไม่เป็นการบังคับ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขได้มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่เด็กที่เป็นกลุ่มเสี่ยงไปบ้างแล้ว เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน เป็นต้น

Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้ นายแพทย์เกียรติภูมิ  วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากข้อมูลผลงานวิจัยในต่างประเทศ ในกลุ่มคนที่ได้รับวัคซีนชนิด mRNA  ได้แก่ ไฟเซอร์และโมเดอร์นา พบว่ามีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (myocarditis)

ซึ่งพบบ่อยกว่าในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผู้ชายหลังรับวัคซีนโดสที่ 2 อาจทำให้เจ็บหน้าอก  หัวใจเต้นแรง แต่อาการจะหายไปเองใน 1 สัปดาห์ สำหรับประเทศไทยพบอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่คณะผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยแล้วว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนเพียง 1 ราย เป็นเด็กชายอายุ 13 ปี มีภาวะโรคอ้วน

แต่สามารถรักษาหายเป็น ปกติแล้ว ส่วนกรณีที่ผู้ปกครองมีความกังวลและประสงค์ให้บุตรหลานฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตายนั้น หากบริษัทผู้ผลิตยื่นเอกสารขึ้นทะเบียนปรับการใช้ในเด็กกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจะจัดบริการเพิ่มเติมให้ต่อไป

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การป้องกันโควิดในสถานศึกษา ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมอนามัย ได้ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำแนวปฏิบัติ Sandbox : Safety Zone in School

สำหรับโรงเรียนที่มีความพร้อมสามารถเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนได้ในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิดได้ ขอให้โรงเรียน และนักเรียนปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด ด้วยการจัดอาคารและพื้นที่โดยรอบของโรงเรียนให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย

ประเมินความพร้อมเปิดเรียนผ่าน Thai Stop COVID 2 Plus โดยถือปฏิบัติเข้มข้นต่อเนื่องกิจกรรมร่วมกันในรูปแบบ Small Bubble หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมข้ามกลุ่มกัน จัดระบบการให้บริการอาหารสำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา

ตามหลักมาตรฐานสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ จัดการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมให้ได้ตามแนวปฏิบัติด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมในการป้องกันโรคโควิด  ในสถานศึกษา ได้แก่ การระบายอากาศภายในอาคาร การทำความสะอาด คุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และการจัดการขยะ ควบคุมการเดินทางเข้าและออกจากโรงเรียนอย่างเข้มข้น มีระบบติดตามเข้มงวดของครูและบุคลากร

พร้อมเฝ้าระวังตนเองผ่าน Thai save Thai สม่ำเสมอ ตรวจคัดกรองและสุ่มตรวจโดยใช้วิธี Rapid Antigen Test รวมถึงการได้รับวัคซีนของครู บุคลากร ผู้ปกครอง และนักเรียน  ในกรณีที่โรงเรียนมีการเปิดเรียนแล้วพบการติดเชื้อภายในโรงเรียนต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

Kick off ฉีดวัคซีนโควิดเด็ก 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ รับเปิดเทอมปลอดภัย 1 พ.ย.นี้