สธ.แจงแนวทางให้วัคซีนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รับวัคซีนยังไม่ครบ

05 ก.ย. 2564 | 11:11 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ก.ย. 2564 | 18:22 น.

รองโฆษกรัฐบาลเผย สาธารณสุขแจงแนวทางให้วัคซีนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รับวัคซีนยังไม่ครบ ให้รับเข็มที่2 ได้ใน 1-3 เดือนนับแต่วันเริ่มป่วย ตามแนวทางของกรมควบคุมโรคกำหนดภายใต้ข้อแนะนำคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

วันที่ 5 ก.ย. 2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่ขณะนี้ได้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการให้วัคซีนแก่ผู้ที่เคยป่วยโควิด-19 ว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร หายป่วยแล้วยังต้องรับวัคซีนหรือไม่ หรือหากต้องรับต้องเว้นระยะเวลาตั้งแต่เริ่มป่วยนานเพียงใด   

สธ.แจงแนวทางให้วัคซีนผู้ป่วยโควิด-19 ที่รับวัคซีนยังไม่ครบ

ทั้งนี้ ได้สอบถามกรณีนี้ไปยังกระทรวงสาธารณสุขและได้รับการชี้แจงว่าจะต้องเป็นไปตามแนวทางการให้วัคซีนโควิด-19 ในสถานการณ์การระบาด ปี 2564 ของประเทศไทย ฉบับปรับปรุงครั้งที่2  ที่กรมควบคุมโรค ออกแนวทางและเผยแพร่ให้บุคลากรการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการให้วัคซีนตั้งแต่เดือนส.ค. ที่ผ่านมา  โดยมีแนวทางว่าในกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ที่ผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อน หรือฉีดยังไม่ครบ 2 เข็ม หากป่วยเป็นโรคโควิด-19 ให้ฉีดวัคซีนโควิด-19ชนิดใดก็ได้ เพิ่มอีก 1 เข็ม ภายใน 1-3 เดือนหลังจากเริ่มป่วย คนที่เคยได้ครบ 2 เข็มแล้วไม่ต้องฉีดเพิ่มอีก 

“การให้วัคซีนทั้งแก่ประชาชนจะดำเนินการตามแนวทางที่กรมควบคุมโรคกำหนด ซึ่งมีการปรับปรุงไปตามข้อมูลที่มีมากขึ้นเนื่องจากโรคโควิด-19 เป็นโรคอุบัติใหม่ ซึ่งคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญได้นำข้อมูลใหม่ที่เพิ่มขึ้นมาวิเคราะห์ก่อนวางแนวทางออกมาเพื่อการให้วัคซีนแก่ประชาชนมีความปลอดภัยสูงสุด” น.ส.ไตรศุลี กล่าว 

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของความคืบหน้าการฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-3ก.ย. 2564 มีการฉีดวัคซีนรวมแล้ว 35.21 ล้านโดส แยกเป็นวัคซีนเข็มที่1จำนวน 24.91 ล้านโดส เข็มที่2 จำนวน 9.69 ล้านโดส และเข็มที่3 จำนวน 6.01 แสนโดส 

ในส่วนของข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้มีการตอบข้อซักถาม ข้อกล่าวหาของสมาชิกฝ่ายค้านในทุกประเด็นในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-4 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา 

โดยเฉพาะในประเด็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับส่วนต่างระหว่างกรอบงบประมาณให้จัดซื้อวัคซีนซิโนแวคกับราคาจริงของวัคซีนนั้น นอกจากการชี้แจงในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ชี้แจงให้ความชัดเจนด้วยว่า จากที่มีการส่งมอบวัคซีนซิโนแวคแล้วทั้งหมด 16 ครั้ง ราคาวัคซีนถูกลงเรื่อยๆ จากลอตแรกที่ซื้อ 2 ล้านโดสราคาซื้ออยู่ที่ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส แต่ในเวลาต่อมาซื้อจำนวนมากขึ้น มีการต่อรองราคาจึงถูกลงตามลำดับ เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 11.99 ดอลลาร์สหรัฐต่อโดส

ทั้งนี้ ในขั้นตอนการจัดซื้อ องค์การเภสัชกรรม(อภ.) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการจัดซื้อ เนื่องจากผู้ผลิตจะทำสัญญากับเฉพาะผู้แทนรัฐบาลเท่านั้น อภ.ได้ใช้งบประมาณของ อภ. จัดซื้อไปก่อน ประกอบด้วยค่าวัคซีน ค่าจัดส่งและค่าความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนรวมอยู่ด้วย จากนั้น อภ.จะส่งวัคซีนให้กรมควบคุมโรคแล้วเรียกเก็บเงินที่ราคาจริงที่เป็นค่าวัคซีนรวมค่าจัดส่งและอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวในแต่ละรอบการจัดส่ง(shipment)  ดังนั้นจึงไม่มีส่วนต่างใดๆ ที่ตกถึง อภ.

ส่วนงบประมาณที่ขอไว้สูงกว่าค่าเฉลี่ยของราคาวัคซีนนั้นก็เป็นเพียงการขออนุมัติกรอบงบประมาณไว้ แต่ในขั้นตอนการจ่ายงบประมาณนั้นกรมควบคุมโรคจะจ่ายที่ราคาค่าวัคซีนรวมค่าบริหารจัดการตามที่ อภ. เรียกเก็บจริงเท่านั้น จึงไม่ได้มีส่วนต่างที่เข้ากระเป๋าใครทั้งสิ้น