ส่องข้อหาฉกรรจ์ ซักฟอก 2 รมต.ภูมิใจไทย ‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’

18 ส.ค. 2564 | 13:45 น.
อัปเดตล่าสุด :18 ส.ค. 2564 | 20:46 น.

ส่องข้อหาฉกรรจ์ ซักฟอก 2 รมต.ภูมิใจไทย ‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’ : รายงาน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3,706 หน้า 10 วันที่ 19 - 21 สิงหาคม 2564

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 64 พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวน 6 คน “ฐานเศรษฐกิจ” ขอนำญัตติที่ยื่นอภิปราย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มานำเสนอ 

 

เพราะ 2 รมต.ดังกล่าวของพรรคภูมิใจไทย เคยถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อช่วงเดือน ก.พ.2564 ที่ผ่านมา มาครั้งนี้ก็ “ไม่รอด” ถูกซักฟอกอีกทั้งคู่ 

 

ข้อกล่าวหา“อนุทิน”

 

นายอนุทิน ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ขาดซึ่งองค์ความรู้ ไร้ซึ่งภูมิปัญญาและความสามารถในการกำกับดูแลงานด้านสาธารณสุขของประเทศ มีพฤติกรรมคุยโม้โอ้อวด ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฉ้อฉล หลอกลวงประชาชนส่งผลให้การบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง 

 

โดยเฉพาะการรับมือกับโรคอุบัติใหม่ดังเช่นโรคโควิด-19 ที่เป็นวิกฤตของชาติอยู่ในปัจจุบัน โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขาดสติปัญญา ประเมินความรุนแรงและผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาเป็นและหายได้เอง ประเมินว่าเป็น “โรคกระจอก” จึงปล่อยปละละเลยในการเตรียมความพร้อม ด้านสาธารณสุข และมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโดยเฉพาะวัคซีน 

 

จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคเป็นไปอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง และรุนแรง ประชาชนขาดโอกาสที่จะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานในปริมาณที่เพียงพอ โดยการจัดหาวัคซีนเป็นไปอย่างล่าช้า และได้วัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันโรค มุ่งเน้นแต่จะจัดหา“วัคซีนลึกลับ” แต่ด้อยคุณภาพ วัคซีน สายสัมพันธ์ 

 

ขณะที่การตรวจหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็เป็นไปอย่างล่าช้า ไม่ทันต่อการระบาดของโรค และยังมีพฤติการณ์ในการแสวงหาประโยชน์ในการจัดหาวัคซีน การกระจายวัคซีนและการจัดซื้ออุปกรณ์ ตรวจโรค พูดเท็จโอ้อวดต่อประชาชนว่าเราจะมีวัคซีนเต็มสองแขนเหลือเฟือ การจัดหาวัคซีนโดยรวม มีความผิดพลาดบกพร่องในทางยุทธศาสตร์อย่างร้ายแรง 

 

จากพฤติการณ์ในการบริหารจัดการของ นายอนุทิน ชาญวีรกุล ทำให้เพียงระยะเวลา 4 เดือนเศษ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 9 แสนคน และเสียชีวิตกว่า 7 พันคน และมีแนวโน้มที่จะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น จนขณะนี้ไม่มีสถานพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์เพียงพอในการรักษาผู้ป่วย ต้องปล่อยให้ผู้ป่วยรักษาตัวเองที่บ้านและทยอยเสียชีวิตลงไป จนสถานพยาบาลบางแห่งต้องออกหลักเกณฑ์ว่า จะเลือกให้ผู้ป่วยคนใดอยู่หรือตาย ผู้ป่วยบางรายทนไม่ไหวก็นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนนหรือในบ้านตนเอง 

 

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เป็นโศกนาฏกรรมของสังคมไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นเลย หากได้ รมว.สาธารณสุข ที่มีความรู้ความสามารถ มองปัญหารู้และแก้ปัญหาเป็น แต่ นายอนุทิน ชาญวีรกูลรมว.สาธารณสุข ซึ่งกำกับดูแลทั้งกรมการแพทย์ กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ(องค์การมหาชน) กลับไร้ความรู้ความสามารถที่จะทำให้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยุติลงได้ 

 

ส่องข้อหาฉกรรจ์ ซักฟอก 2 รมต.ภูมิใจไทย ‘อนุทิน-ศักดิ์สยาม’

 

อีกทั้งยังมุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์จากการจัดหาวัคซีน และการกระจายวัคซีนโดยมิได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของวัคซีน และโอกาสของประชาชนในการได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม  ซึ่งเป็นการกอบโกยผลประโยชน์บนคราบนํ้าตาและความเป็นความตายของประชาชน

 

ดังนั้น หากปล่อยให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุขต่อไปจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงเมื่อใด ชีวิตของพี่น้องประชาชนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ขณะที่ผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจะมีเพิ่มมากขึ้น จนอาจกล่าวได้ว่าไม่มีสถานที่เพียงพอที่จะทำพิธีฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตได้

 

ข้อกล่าวหา“ศักดิ์สยาม”

 

ส่วน นายศักดิ์สยาม รมว.คมนาคม ถูกฝ่ายค้านกล่าวหาว่า มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์จากโครงการขนาดใหญ่ของหน่วยงานที่อยู่ในกำกับดูแล รู้เห็น และปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการประมูลโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เข้าบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐเพื่อนำมาเป็นของตนและเครือญาติโดยการฉ้อฉล ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐอย่างร้ายแรง 

 

ประพฤติตัวเสเพลไม่เหมาะสม กับตำแหน่ง ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมโรค เข้าไปในแหล่งอบายมุขจนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ไปทั่วประเทศจนถึงปัจจุบัน ขาดจิตสำนึกรับผิดชอบ มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองโดยอาศัยตำแหน่งหน้าที่ของตน

 

พฤติการณ์ของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ดังกล่าว นำมาซึ่งความเสียหายแก่ทางราชการ และภาพลักษณ์ของการเป็นรัฐมนตรีของประเทศไทยหากปล่อยให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่อไป จะยิ่งสร้างความเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดินและผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม จนยากที่จะแก้ไขเยียวยาได้