วันที่ 2 ก.พ.ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเป็นประธานการประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.)พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมประชาสัมพันธ์ เรื่องการจำหน่ายดอกป๊อบปี้ เนื่องในวันทหารผ่านศึก ซึ่งตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ของทุกปี
ร่วมกับคุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่นำคณะเข้าพบเพื่อมอบดอกไม้สัญลักษณ์ของทหารผ่านศึก
นายกรัฐมนตรึ กล่าวว่า ในปีนี้ไม่ได้มีการเผยแพร่มากนัก เพราะด้วยสถานการณ์โควิด-19 แต่ที่ทราบก็มีการจำหน่ายออนไลน์เพื่อนำรายได้ช่วยเหลือทหารผ่านศึก ขณะที่ ทหารทุกวันนี้ ไม่ได้มีหน้าที่แค่รั้วของชาติ แต่ต้องช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของโรค การรักษาความมั่นคงภายใน การรักษาทรัพยากรประเทศ การช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติ และ ทุกมิติภายใต้รัฐธรรมนูญ อยากให้ช่วยกันชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจว่ามีทหารไว้ทำไม รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มี ไม่ได้ไว้ใช้เพื่อการสงคราม แต่เพื่อมีไว้เป็นศักยภาพ และ รักษาอำนาจที่ไม่มีตัวตนของประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามในวันข้างหน้า จึงมีการพัฒนาต่อไป
คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานกรรมการมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึกฯ กล่าวขอบคุณและพร้อมมอบกำลังใจแด่นายกรัฐมนตรีในการบริหารราชการช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งสร้างผลกระทบกับประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งปีนี้มูลนิธิฯ ได้เปิดให้มีการสั่งซื้อผ่านออนไลน์แทน โดยไม่มีการจัดจำหน่ายดอกป๊อปปี้ทั่วไป และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานราชการและกระทรวงต่างๆ ในการนำดอกป๊อปปี้ไปจำหน่ายภายในหน่วยงานด้วย
โดยรายได้ทั้งหมดจากการขายจะถูกนำไปเป็นทุนสำหรับการดำเนินงานช่วยเหลือแก่ครอบครัวทหารในด้านต่าง ๆ ด้วยเห็นว่าประเทศ คือ บ้าน และทหารทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติ และนายกรัฐมนตรีก็เป็นเหมือนคนที่ดูแลบ้านทั้งหมด เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบสุข ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ได้ดำเนินกิจกรรมต่อเนื่องมายาวนานกว่า 53 ปี และได้รับความกรุณาจากนายกรัฐมนตรีทุกสมัยร่วมประชาสัมพันธ์การจำหน่ายดอกป๊อปปี้ด้วย
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยัน รัฐบาลทำงานอย่างเต็มที่เพื่อดูแลประชาชนคนไทยทั้ง 60 กว่าล้านคน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทุกคนได้รับความเดือดร้อน ต้องขอชื่นชมมูลนิธิฯ ที่ให้การดูแลครอบครัวทหารผ่านศึก ซึ่งในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้พัฒนาความดูแลช่วยเหลือครอบครัวทหารในหลายรูปแบบด้วย
ปัจจุบันทหารทำหน้าที่เพิ่มมากขึ้นในมิติต่างๆ เช่น การรักษาความมั่นคงภายในประเทศ ช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ปกป้องทรัพยากรของประเทศทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ รวมถึงทั้งร่วมปฏิบัติหน้าที่ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ก็ถูกนำมาใช้ทั้งการฝึกปฏิบัติและภารกิจอื่น ๆ ด้วย
จึงอยากให้ประชาชนร่วมให้กำลังใจการทำหน้าที่ของทหาร เพราะขวัญกำลังใจเป็นอำนาจกำลังรบที่ไม่มีตัวตน ทั้งนี้ ขอให้มั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมเดินหน้าเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ควบคู่กับวัฒนธรรมและจารีตประเพณี เพื่อขับเคลื่อนประเทศเติบโตไปด้วยกัน