“สุวัจน์”ห่วงประชาชนจี้รัฐเร่งช่วยเหลือน้ำท่วมโคราช

วันนี้ (11 ต.ค.63) ที่วัดสุทธจินดาวรวิหาร อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาศูนย์คนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์วัดบ้านไร่ ในฐานะลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อใหญ่ ได้ไปกราบร่างศพพระสาสนโสภณ หรือ หลวงพ่อใหญ่ (โกศล สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาวรวิหาร ที่ละสังขาร รวมสิริอายุรวม 96 ปี 74 พรรษา 

โอกาสนี้ นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในโคราชว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.ปากช่อง หนักมากในรอบ 20 ปี สาเหตุเนื่องจากร่องมรสุมเข้าในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทำให้เกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลไหลบ่าหลากลงมาจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไหลลงลำน้ำลำตะคอง ซึ่งน้ำขึ้นสูงจนรับไม่ไหว เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎร ที่พักรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ไร่นา คอกสัตว์ โดยเฉพาะเล้าหมูต้องช่วยกันอุ้มลูกหมูหนีน้ำแทบไม่ทัน ระดับน้ำสูง 1 เมตรกว่า ประชาชนเดือดร้อนนับพันครัวเรือน 

ทราบว่าขณะนี้มวลน้ำเริ่มไหลลงเขื่อนลำตะคองเกือบจะหมดแล้ว และน้ำในเขื่อนตอนนี้อยู่ที่ระดับกว่า 70% หรือเกือบแตะ 80% ตรงนี้ก็ต้องคอยสังเกตใกล้ชิด เพราะถ้าน้ำเข้ามากไปเดี๋ยวอาจจะพังได้ และถ้าระบายน้ำออกมากไปก็จะไปท่วมปลายน้ำอีก ฉะนั้น ก็ต้องพยายามรักษาสมดุลสภาพน้ำในเขื่อน เพื่อบริหารให้ถูกต้อง ฉะนั้น ก็อยากให้พวกเราส่งกำลังใจไป และตอนนี้ทราบว่าชาว อ.ปากช่อง เขากำลังขาดน้ำ ขาดอาหาร ถ้าเป็นอาหารสำเร็จรูปได้ยิ่งดี

        

“วันนี้ครัวหลวงพ่อคูณ ที่วัดบ้านไร่ มีการระดมประกอบอาหารกันทั้งคืน เพื่อนำไปมอบให้เบื้องต้นชุดแรก 1,000 กล่อง น้ำดื่ม 2,000 แพ็ค พวกเราคนโคราชรักจริงไม่ทิ้งกัน ก็จะได้ช่วยกันบรรเทาความเดือดรนร้อนได้อีกทางหนึ่ง คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงใน 1-2 วันนี้ แต่ผมก็ยังเป็นห่วงตามที่ได้ข่าวว่าจะมาพายุลูกใหม่ที่จะจากประเทศเวียดนาม ถ้าไม่อ่อนตัวลงและผ่านประเทศไทย ซึ่งยังไม่ทราบว่าจุดไหนที่จะได้รับผลกระทบตรงนี้ ต้องติดตามข่าวสารทางราชการอย่างใกล้ชิด จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำให้ประชาชนตามจุดต่างๆ มีความระวัง เป็นการเตือนภัยล่วงหน้า” 

ทั้งนี้ การฟื้นฟูเยียวยาผู้เดือดร้อน โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจหลังคลี่คลายตอนนี้ต้องรีบทำโดยเร็วที่สุด หรือการระดมบิ๊กคลีนนิ่ง เพราะถึงพายุจะมาแล้วหรือจะยังไม่มา แต่โควิดก็มาทุกคนก็จะแย่กันอยู่แล้ว และต้องฟื้นฟูกันอยู่แล้ว ฉะนั้น พายุมาก็เหมือนกับเป็นการซ้ำเติม แต่อันนี้เป็นเรื่องของภัยธรรมชาติ 

ตอนนี้คนโคราชเจอทั้งเรื่องเศรษฐกิจด้วย โควิดด้วย เจอทั้งภัยธรรมชาติด้วย เราต้องให้กำลังใจกันทั้งผู้ปฏิบัติงาน ทั้งพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย ส่วนที่มีหลายครอบครัวตั้งหลักไม่ทัน เพราะน้ำมาเร็วมาก เสียหายจนแทบหมดตัว ทางราชการควรจะต้องเยียวยา

"ผมคิดว่าโดยหลักเกณฑ์ของทางราชการมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เพียงแต่ว่าจะเร่งรัดอย่างไรให้การช่วยเหลือที่มีอยู่แล้ว หรือถ้าเกิดเดือดร้อนกันมากๆ อาจจะมีเพิ่มเติมพิเศษอะไร ก็เป็นไปตามกรอบ ก็อยากให้มีการเร่งรัดในการช่วยเหลือ เหมือนการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 บางทีมีเงิน มีนโยบายที่ดี แต่การปฏิบัติงานระดับข้างล่างยังไปถึงมือพี่น้องประชาชนช้า 

ฉะนั้น การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็เลยยังไม่ค่อยเห็นผลเท่าไรนัก ผมหวังว่าเมื่อ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ได้ลงมือทำงานแล้ว คงจะมาเร่งรัดดูแลในส่วนนี้ เพื่อให้ภาคปฏิบัติไปถึงมือประชาชน เพื่อจะได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างทันถ่วงที หรือสถานการณ์น้ำท่วมตอนนี้ก็ต้องมีมาตรการ มีกรอบของการช่วยเหลืออย่างไรส่วนราชการต้องลงไปทันที วันนี้เราต้องช่วยกัน วันนี้ไทยต้องช่วยไทยจริงๆ”