“ปลาหมอสีคางดำ” กินได้ไหม ? กับข้อเสนอดันเป็นอาหารประจำถิ่น

12 ก.ค. 2567 | 13:16 น.
อัปเดตล่าสุด :12 ก.ค. 2567 | 14:24 น.
12.4 k

เคลียร์ชัดเอเลี่ยนสปีชีส์อย่าง “ปลาหมอสีคางดำ” กินได้หรือไม่? หลังพบปรับตัวเข้าได้อย่างดีแต่สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำของไทย ด้าน "สัตวแพทย์" เสนอ เร่งหาแนวทางการแก้ปัญหาระยะต้นด้วยการส่งเสริมให้เป็นอาหารประจำถิ่น

ในบางพื้นที่ของประเทศไทยเกิดปัญหาการระบาดของปลาหมอสีคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ ปลาหมอสีคางดำเป็นปลาที่ถูกนำเข้ามาเพื่อเลี้ยงในตู้ปลาสวยงาม แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ปลาชนิดนี้ได้หลุดออกไปสู่แหล่งน้ำธรรมชาติและเริ่มมีการขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว

การระบาดของปลาหมอสีคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติมีผลกระทบที่สำคัญดังนี้:

  • ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ: ปลาหมอสีคางดำมีพฤติกรรมดุร้ายและมักกินปลาและสัตว์น้ำชนิดอื่นๆ ในแหล่งน้ำ ซึ่งทำให้จำนวนปลาท้องถิ่นลดลงและส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
  • แข่งขันกับปลาในท้องถิ่น: ปลาหมอสีคางดำมีความสามารถในการปรับตัวสูงและสามารถแข่งขันกับปลาท้องถิ่นในการหาอาหารและที่อยู่อาศัย ทำให้ปลาท้องถิ่นบางชนิดสูญพันธุ์ไปในบางพื้นที่
  • ผลกระทบทางเศรษฐกิจ: การระบาดของปลาหมอสีคางดำอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมงในบางพื้นที่ เนื่องจากจำนวนปลาท้องถิ่นลดลง

 

การจัดการปัญหานี้จำเป็นต้องมีการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและชุมชนในพื้นที่ในการควบคุมและกำจัดปลาหมอสีคางดำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ รวมถึงการให้ความรู้และการตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางน้ำ

แต่มีบางคนถามว่า "ปลาหมอสีคางดำ" กินได้ไหม คำตอบคือ "สามารถกินได้" แต่ไม่ได้เป็นปลาที่นิยมรับประทาน เนื่องจากเป็นปลาที่เลี้ยงเพื่อความสวยงามมากกว่าที่จะนำมาบริโภค

นอกจากนี้ เนื้อปลาหมอสีคางดำอาจมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ไม่เป็นที่นิยมเหมือนกับปลาชนิดอื่นที่นิยมรับประทาน

หากต้องการนำปลาหมอสีคางดำมารับประทาน ควรพิจารณาปัจจัยดังนี้:

  • แหล่งที่มา: ปลาที่เลี้ยงในตู้ปลาอาจได้รับการให้อาหารที่มีสารเคมีหรือยา ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการบริโภคปลาเลี้ยงที่ไม่ได้มาจากแหล่งธรรมชาติหรือแหล่งที่มั่นใจในความปลอดภัย
  • การเตรียมอาหาร: หากนำมาประกอบอาหาร ควรทำความสะอาดและปรุงสุกให้ดี เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อหรือสารพิษที่อาจมีอยู่
  • ในทางที่ดี หากต้องการบริโภคปลาน้ำจืด ควรเลือกปลาที่นิยมรับประทานและมีการเลี้ยงหรือจับมาจากแหล่งที่ปลอดภัยและได้รับการควบคุมมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ

 

 

แนวทางในการแก้ปัญหาปลาหมอสีคางดำ

สพ.ญ.วรรณา ศิริมานะพงษ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงแนวทาง แนวทางในการแก้ปัญหา การแพร่ระบาดสัตว์น้ำต่างถิ่นต้องมีการศึกษาวิจัย วางแผนจัดการแบบองค์รวม ในฐานะนักวิชาการแบ่งเป็น 3 ระยะ

  1. ระยะต้น ระยะเร่งด่วน การส่งเสิรม เนื่องจากการจับอย่างเดียวไม่สามารถจับได้อย่างเดียว ต้องการจับแล้วสามารถส่งเสริมให้เป็นอาหารประจำถิ่นของแต่ละพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ซึ่งการนำไปประกอบอาหารจะทำให้ลดจำนวนประชากรได้อย่างต่อเนื่อง
  2. ระยะกลาง คือการศึกษาวงชีวิตของปลา เพื่อจะให้รู้ว่าสภาพแวดล้อมแบบไหนจะแพร่พันธุ์ได้ดี และช่วงไหนที่มีการวางไข่ เพื่อตัดวงจรชีวิตได้ตั้งแต่ต้นทาง
  3. ระยะยาว คือต้องให้ความรู้ และสร้างความรู้ในชุมชน ทำอย่างไรให้สามารถสร้างสมดุลนิเวศได้

การกำจัดจะเกิดปัญหาหรือไม่ ไกลกว่าพื้นที่ที่ทดลอง ในส่วนการทดลองหรือการทำวิจัย มีข้อจำกัดว่าเป็นปลาที่นำเข้ามา ถ้าทดลองเสร็จแล้วต้องมีการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงผลสำเร็จ ทั้งนี้คาดว่ามาตรการของรัฐบาลก็มีความหละหลวมบางอย่างในการติดตามของสัตว์เอเลียนสปีชีส์ในเรื่องของการนำเข้า ซึ่งถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต้องเพิ่มมาตรการทางภาครัฐเข้ามาเกี่ยวข้องติดตามการนำเข้าของสัตว์ต่างถิ่น ทั้งสัตว์น้ำและสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย เพื่อให้เกิดการภาวะของระบบนิเวศที่จะสูญเสียระบบสมดุลไปมากกว่านี้

สิ่งที่เกิดขึ้นที่ส่งผลต่อระบบนิเวศ มีวิธีป้องกันได้ระดับหนึ่ง การเตรียมน้ำเพาะเลี้ยง ต้องฆ่าสิ่งที่ไม่ต้องการ โดยวิธีธรรมชาติก็จะมีวิธีการจัดการโดยวิธีการพักบ่อ ตากบ่อ กรองน้ำ หรือใช้สารบางอย่างช่วยในการจัดการปรสิต หรือตัวปลาอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับที่เพาะในบ่อเลี้ยง

แต่ถ้าแหล่งน้ำธรรมชาติ ไม่ได้มีการกรองน้ำ ไม่ได้มีการพักน้ำ หรือใช้สารในการจัดการ เมื่อปลาพวกนี้โตไวกว่า ก็จะกินสัตว์ที่เลี้ยงได้

เกษตรกรในบางพื้นที่ ทั้งกินและกำจัดควบคู่กันไป หรือการหาปลานักล่ามาปล่อย แต่ทำให้ต้นทุนที่สูงขึ้น


ทั้งนี้การปล่อยปลานักล่า ได้รับการส่งเสริมระดับหนึ่ง แต่ปลานักล่าก็จะกินสัตว์ในบ่อด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องมีอัตราส่วนที่ที่เหมาะสมกัน ยังไม่มีใครบอกได้ว่าจุดที่เหมาะสมยังไม่ยืนยันว่าควรจะเป็นสัดส่วนเท่าไหร่

ระยะยาว ต้องวางนโยบาย ระดมความคิด หน่วยงานหลายๆส่วนมาร่วมมือช่วยกัน การสร้างสมดุลที่สุดคือ อย่างน้อยแม้จะจบออกไปไม่หมด แต่จำกัดให้อยู่ในวงแคบได้ หรือสามารถที่จะทำให้เกิดมูลค่าได้ในเศรษฐกิจได้