ระเบิดสนั่น! ไฟไหม้เรือบรรทุกน้ำมัน อู่ต่อเรือแม่กลอง เบื้องต้นดับ 1

17 ม.ค. 2566 | 13:36 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ม.ค. 2566 | 21:14 น.

เกิดเหตุระเบิดสนั่นอู่ต่อเรือแม่กลอง ทำให้ไฟไหม้เรือบรรทุกน้ำมันที่จอดซ่อมบำรุง เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย

 

17 ม.ค.2566 เพจเฟซบุ๊กกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM รายงานเหตุอัคคีภัย เมื่อเวลาประมาณ 09.15 น. เกิดเหตุระเบิด และ เพลิงไหม้เรือบรรทุกน้ำมัน "สมูธซี 22" ที่จอดซ่อมบำรุงอยู่ในอู่ต่อเรือใกล้เคียงวัดปากสมุทร ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โดยเบื้องต้นมีรายงาน ผู้เสียชีวิต 1 ราย

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม เปิดเผยว่า เรือที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เป็นเรือเดินสมุทร สมูธซี 22 ซึ่งจอดซ่อมบำรุงภายในอู่ต่อเรือ เป็นเรือเปล่า ไม่มีสัมภาระใดๆ ในเรือแล้ว แต่ยังมีน้ำมันค้างอยู่ก้นถัง ไม่ทราบปริมาณน้ำมันที่แน่ชัด ส่วนสาเหตุอาจเกิดจากเจ้าหน้าที่ยังเคลียร์น้ำมันไม่หมดก่อนซ่อมบำรุง

อย่างไรก็ดี เหตุเพลิงไหม้และระเบิดบนเรือนั้น เกิดขึ้นเฉพาะส่วนบนของเรือ บนดาดฟ้า แต่ในส่วนของตัวเรือ ยังสามารถลอยลำได้ปกติ

แรงระเบิดสะเทือนข้ามแม่น้ำแม่กลอง รับรู้ได้ถึงฝั่งตรงข้าม

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุกว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมเพลิงได้นั้น ต้องใช้เวลานาน โดยเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. เพลิงก็ยังไม่สงบ และมีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ โดยแรงระเบิดมีความรุนแรงมาก ข้ามไปถึงอีกฝั่งของแม่น้ำแม่กลอง ส่งผลให้โรงเรียนศรัทธาสมุทร และบ้านเรือนของประชาชนในบริเวณใกล้เคียงกระจกแตกได้รับความเสียหาย

เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. เพลิงก็ยังไม่สงบ และมีเสียงระเบิดเป็นระยะๆ

เบื้องต้นพบร่างผู้เสียชีวิตครึ่งท่อน 1 ราย คาดว่าโดนแรงระเบิดอัด และมีผู้บาดเจ็บ กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 4 ราย และบาดเจ็บเล็กน้อยอีกจำนวนหนึ่ง ขณะที่ยังมีผู้สูญหาย และไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน โดยส่วนใหญ่เป็นคนงานของอู่ซ่อมเรือ บริษัท รวมมิตรด็อคยาร์ด จำกัด (Ruammitr Dockyard) ซึ่งมีทั้งชาวเมียนมา และชาวมอญ

มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย สูญหายจำนวนหนึ่ง

ขณะนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้ตั้งเต๊นท์อำนวยการอยู่ที่วัดปากสมุทร และกันคนงานและประชาชนในพื้นที่เกิดเหตุ โดยให้มาพักคอยที่วัดเพื่อความปลอดภัย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ประสานกำลังเร่งควบคุมสถานการณ์อยู่ในที่เกิดเหตุ

 

ขอบคุณภาพจาก เพจเฟซบุ๊กกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM