คนกรุงเตรียมรับมือค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งวันที่ 16-17 ม.ค.นี้

14 ม.ค. 2566 | 13:46 น.
อัปเดตล่าสุด :14 ม.ค. 2566 | 20:55 น.

กทม.เตือนคนกรุงเฝ้าระวังค่าฝุ่น PM 2.5 วันที่ 16-17 ม.ค.นี้ ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา แจงวันที่ 13-14 ม.ค.อากาศกรุงเทพและปริมณฑล นิ่ง ลมอ่อน ทำให้มีหมอกบางตอนเช้าบวกกับฝุ่นละออง ส่งผลให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง

สำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร รายงานว่า ในช่วงวันที่ 16-17 มกราคม 2566 พื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลควรเฝ้าระวังการสะสมของฝุ่นละออง PM2.5  เนื่องจากสภาพอากาศที่นิ่ง และปิด โดยพื้นที่ที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่พื้นที่กรุงเทพกลาง กรุงธนเหนือ และกรุงธนใต้ 

 

ขณะที่ค่าฝุ่น PM2.5 ในวันนี้ ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานคร ได้เผยว่า มีแนวโน้มลดลงและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน โดยผลการตรวจวัด PM2.5 เมื่อเวลา 05.00-07.00 น.มีดังนี้

 

  • ตรวจวัดได้ 12-40 มคก./ลบ.ม.
  • ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 24.8 มคก./ลบ.ม.
  • ค่า PM2.5 มีแนวโน้มลดลงและอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกสถานีที่มีการตรวจวัด    

 

ค่าฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้กรุงเทพมหานคร ได้คาดการณ์แนวโน้มสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อฝุ่น PM2.5 โดยสภาพทางอุตุนิยมวิทยา ระบุว่าในช่วงวันที่ 14 - 15 และ ช่วงวันที่ 18 - 20 มกราคม 2566 จะมีแนวโน้มสถานการณ์ที่ดีในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เนื่องจากอากาศที่เปิดมากขึ้นประกอบกับลมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรงเข้าช่วย และวันนี้กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง

 

อย่างไรก็ตามในช่วงวันสองวันนี้ ประชาชนในเขตกรุงเทพฯอาจจะพบเห็นหมอก หรือ PM2.5 ในช่วงเช้า  ซึ่งลักษณะดังกล่าว ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกมาชี้แจงว่า ในช่วง 1 - 2 วันนี้ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลมีลักษณะอากาศนิ่งและมีลมอ่อน ทำให้เกิด หมอก บางในตอนเช้า ประกอบกับการประกอบกิจกรรมของคนในเขตเมืองเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิด ฝุ่นละออง มากขึ้นในตอนเช้าเช่นกัน

กรมอุตุนิยมวิทยา ยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า กรุงเทพมหานคร ได้รับอิทธิพลจากลมตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความเร็วลมประมาณ 10-20 กม./ชม. เป็นลมที่พัดจากทะเลนำความชื้นเข้าปกคลุมก่อให้เกิด หมอกเหนือพื้นดินได้ในเวลากลางคืน และจางหายไปในเวลาเข้าภายหลังดวงอาทิตย์ขึ้น เกิดจากในตอนกลางคืนพื้นดินจะคายความร้อนหรือแผ่รังสีออกได้มากเป็นเหตุให้พื้นดินเย็นลง อากาศในชั้นล่างที่อยู่ใกล้พื้นดินจะเย็นลงด้วย จนมีอุณหภูมิเท่ากับจุดน้ำค้างทำให้ไอน้ำในอากาศที่อยู่ใกล้พื้นดินกลั่นตัวเกิดเป็น หมอก

 

โดยลักษณะอากาศที่นิ่งและลมอ่อน ประกอบกับในช่วงเช้ากิจกรรมของคนในเขตเมืองเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิด ฝุ่นละออง มากขึ้นในตอนเช้าเช่นเดียวกัน จึงเกิดการคลุกเคล้าของ หมอก และ ฝุ่น รวมกันได้ ส่งผลให้ทัศนวิสัยการมองเห็นลดลง

 

กรุงเทพฯมีหมอกบางในตอนเช้าและมีฝุ่นละออง PM2.5