NIA เล็งใช้ “ดีพเทค” ปั้น2เมืองนวัตกรรมการแพทย์ระดับโลก

22 ต.ค. 2565 | 15:11 น.
อัปเดตล่าสุด :22 ต.ค. 2565 | 22:32 น.

NIA ตั้งเป้ายกระดับ MedTech สร้างแบรนด์นวัตกรรมแพทย์เมดอินไทยแลนด์ พร้อมใช้โมเดล “ดีพเทคย่านนวัตกรรม” นำร่องย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธีและย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก

ประเทศไทยยังคงเป็นศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาใช้บริการ เนื่องด้วยมีความพร้อมทั้งด้านของบุคลากรและการบริการโดยเฉพาะในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ จนได้รับการจัดอันดับดัชนีความมั่นคงทางสุขภาพ (Global Health Security Index: GHS) ติดท็อป 5 ของโลกจาก 195 ประเทศ แต่อย่างไรก็ตามปัจจุบันประเทศไทยยังคงต้องนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศสูงถึงปีละ 6 หมื่นล้านบาท

NIA เล็งใช้ “ดีพเทค” ปั้น2เมืองนวัตกรรมการแพทย์ระดับโลก

ที่ผ่านมาสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)หรือ NIA จึงตั้งเป้าที่จะยกระดับ MedTech หรือนวัตกรรมการแพทย์ผ่านกลุ่มเทคโนโลยีเชิงลึก เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมการแพทย์ฝีมือคนไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสการดูแลคุณภาพชีวิตด้านสุขภาพของประชาชนแล้ว ยังช่วยลดการนำเข้านวัตกรรมการแพทย์จากต่างประเทศ โดยปักหมุด 2 ย่านนวัตกรรมสู่พื้นที่สำคัญของเอเชีย ได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายที่ชาวต่างชาติจากทั่วโลกอยากเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ เพราะมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรที่เชี่ยวชาญระดับโลก การบริการที่น่าประทับใจ และการมีโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำหลายแห่ง ทำให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการแพทย์ ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับการจัดอันดับดัชนีความมั่นคงทางสุขภาพให้เป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพสูงที่สุดติดอันดับที่ 5 ของโลกจาก 195 ประเทศ

ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

แต่ประเทศไทยยังต้องนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีจากต่างประเทศมูลค่าสูงถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่อุปกรณ์ทางการแพทย์ทั่วโลกเริ่มขาดแคลน และความซับซ้อนของโรคที่เพิ่มมากขึ้น โจทย์นี้จึงกลายเป็นอีกความท้าทายที่ประเทศไทยต้องเผชิญ

“NIA มองว่า นวัตกรรมการแพทย์ หรือ MedTech จะช่วยลดช่องว่างการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้ ซึ่งคนทั่วไปอาจจะเข้าใจว่าหมายถึงเครื่องมือแพทย์อย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วมีความหลากหลายและกว้างมากกว่านั้น MedTech เป็นการประยุกต์นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการแพทย์ ตั้งแต่กระบวนการตรวจวินิจฉัยโรค รักษา ติดตามอาการ ฟื้นฟู ประเมินสุขภาวะทางร่างกายและป้องกันไม่ให้เกิดโรค อย่างไรก็ตามในการพัฒนาอุตสาหกรรม MedTech ในระยะแรกจะเน้นเรื่องทดแทนการนำเข้าเป็นหลัก อุปกรณ์ตัวไหนที่มีการนำเข้าจำนวนมาก เช่น เพลทสกรูสำหรับใช้ดามกระดูก วัสดุปิดแผล ซึ่งมีเทคโนโลยีที่ไม่ซับซ้อน”

 

ดร.พันธุ์อาจ กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมการแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาครัฐคาดหวังว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเพื่ออนาคต หรือ Thailand 4.0 ดังนั้น NIA จึงนำร่องพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่โดยอาศัยอัตลักษณ์ที่โดดเด่นของบริบทพื้นที่ผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และชุมชน เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการดึงดูดเงินลงทุนให้สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพจนเป็นที่น่าจับตาในภูมิภาค ที่แรก ได้แก่ ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี (ถนนโยธี กรุงเทพมหานคร) ซึ่งมีอัตลักษณ์สำคัญของสภาพพื้นที่ที่มีหนาแน่นของโรงเรียนแพทย์และสถานพยาบาลกระจุกตัวมากที่สุดย่านหนึ่งของโลก จึงเหมาะกับการพัฒนาระบบนิเวศให้เอื้อต่อการศึกษาวิจัยและทดลองนวัตกรรมการแพทย์ในประเทศ รวมถึงเชื่อมโยงทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการนวัตกรรมและนักลงทุนให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการแพทย์ของเอเชีย ซึ่งเกิดการพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 150 โครงการ และมีเม็ดเงินการลงทุนที่หมุนเวียนภายในย่านกว่า 300 ล้านบาท

 

นอกจากนี้ ยังได้ขยายเครือข่ายไปยัง ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก (มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่) ซึ่งเปรียบเสมือนเป็น Sandbox หรือ Playground ให้กับผู้ประกอบการนวัตกรรมได้มาเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งในมิติของงานวิจัยและพัฒนา การวิจัยทางคลินิก การพัฒนานวัตกรรมให้สอดคล้องกับมาตรฐานการผลิต จนสามารถนำมาใช้จริงกับสถานพยาบาลได้”