ผ่าแผนมาสด้า ทุ่ม 5 พันล้านเปิดรถไฟฟ้าในไทย

มาสด้า เดินหน้าเต็มสูบด้วยการประกาศแผนลงทุนในไทยจำนวน 5,000 ล้านบาท หวังตั้งฐานการผลิต xEVs ตั้งเป้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่ 5 รุ่นภายใน 3 ปี โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์ไฟฟ้า BEV, 2 รุ่น ,รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด PHEV 1 รุ่น และ ไมลด์ ไฮบริด HEV อีก 2 รุ่น ซึ่งในส่วนของ BEVจะจับมือกับพาร์ทเนอร์จีนอย่างฉางอัน นำเข้ามาทำตลาด ประเดิมรุ่นแรก Mazda 6e 

นายมาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า มาสด้าเตรียมเดินหน้าสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ภายใต้แนวทาง Multi-Solution Strategy ควบคู่กับแนวทาง Intentional Follower Approach ซึ่งในเบื้องต้นได้วางกลยุทธ์พัฒนา xEVs แบ่งออกเป็น 3 เฟส แบ่งเป็นเฟส 1 การเตรียมความพร้อม เฟส 2 การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจาก HEV, PHEV และ BEV ส่วนเฟสที่ 3 จะเป็นการแนะนำรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ

สำหรับในไทย ซึ่งถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของมาสด้า และภาพรวมตลาดมีการตอบรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้นมาสด้าจึงตัดสินใจรุกตลาดนี้เร็วขึ้น โดยจะเปิดรถ 5 รุ่นภายใน 3 ปี(2568 -2570) เริ่มที่ปลายปีนี้ จะนำเข้ารถจากจีน Mazda 6e หลังจากนั้นจะมีการผลิตโกลบอลโมเดลจากโรงงานAATที่ระยอง ซึ่งบริษัทฯได้ลงทุน 5,000 ล้านบาท ผลิต 1 แสนคันต่อปี โดยจะผลิตเพื่อป้อนทั้งตลาดในประเทศ และส่งออกไปยังอาเซียน ,ญี่ปุ่น และกำลังศึกษาประเทศอื่นๆที่ไทยมีการทำ FTA 
 

"ภายใน 3 ปีเราจะมีรถยนต์ไฟฟ้า 2 รุ่น รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด 1 รุ่น และ ไฮบริด 2 รุ่น โดยรถที่ทำตลาดจะมีทั้งนำเข้าจากจีน เนื่องจากได้สิทธิประโยชน์ในการนำเข้า และนำเข้าจากญี่ปุ่น รวมไปถึงรถที่ผลิตจากโรงงานในประเทศ ที่AAT ซึ่งบริษัทฯได้ลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท "

นายโมโร กล่าวเพิ่มเติมว่า มาสด้าพยายามปูพื้นฐานและตั้งเป้าให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า xEVs ดังจะเห็นจากการลงทุนในครั้งนี้ ขณะเดียวกันรถยนต์รุ่นอื่นๆที่เป็นสันดาป ICE ก็จะยังคงอยู่ควบคู่กันไป 

"การเข้ามาของแบรนด์จีน ที่มีรถยนต์ไฟฟ้า ถือว่ามาเร็วมาแรง และจีนเก่งเรื่อง EV ในส่วนของเราเองก็มีการจับมือกับพาร์ทเนอร์จีน และเราก็จะใส่ความเป็นมาสด้าเข้าไป ทำราคาให้เหมาะสมแข่งขันได้ Great Price "

นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหาร & ซีอีโอ บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แผนงานด้านอื่นๆของมาสด้าหลังจากนี้ จะเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม ทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า สื่อสารกับลูกค้าด้วยข้อมูลเชิงลึก มีการพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน นอกจากนั้นแล้วแผนงานในส่วนของเครือข่ายโชว์รูม กทม.ปริมณฑล มี19 แห่ง ต่างจังหวัดมี 65 แห่ง รวม 84 แห่งถือว่าสามารถรองรับลูกค้าของมาสด้าที่มีอยู่ประมาณ 2.5 แสนคัน

 
ขณะที่ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยในปี 2568 คาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่าจะมียอดขายรวม 5.7 -6 แสนคัน ทั้งนี้ต้องจับตาปัจจัยเสี่ยงต่างๆอาทิ ภาพรวมเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน การปล่อยสินเชื่อต่างๆ ในส่วนของมาสด้า จะยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด 2 %