มาสด้า ประกาศปักหลักในไทย เตรียมเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง EV PHEV และ HEV พร้อมลงทุน 5,000 ล้านบาท ผลิตเอสยูวีไมลด์ไฮบริด โกลบัลโมเดลรุ่นใหม่ กำลังผลิต 100,000 คันต่อปี (โรงงานเอเอที) เพื่อรองรับตลาดในประเทศ และส่งออกไปทั่วโลก
นายมาซาฮิโร โมโร ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเดินหน้าตามแผนพัฒนา xEVs ประกอบด้วยกลยุทธ์ 3 เฟส โดยเฟสที่ 1 เป็นการเตรียมความพร้อม เฟสที่ 2 การเปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจาก HEV, PHEV และ BEV จนถึงเฟสที่ 3 เป็นการแนะนำรถไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ
สำหรับประเทศไทย มาสด้าเร่งแผนในการนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้าให้เร็วขึ้น โดยจะเปิดตัว ทั้ง BEV, PHEV, HEV ระหว่างปี พ.ศ. 2568 – 2570 ซึ่งปีนี้จะเริ่มจากการนำเข้า EV รุ่น Mazda 6e มาจากประเทศจีน
"ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ -ตลาดรถยนต์ในไทยมียอดขายที่ลดลง ประกอบกับมีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามา อาทิ แบรนด์จากจีน ซึ่งการที่มาสด้าตัดสินใจลงทุนในไทยครั้งนี้ก็เพื่อต้องการความเปลี่ยนแปลง เราหวังว่าทุกอย่างจะหมุนกลับมาและสถานการณ์ต่างๆกลับมาดีขึ้น และเราเองเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย จึงตัดสินใจลงทุนจำนวน 5,000 ล้านบาทในครั้งนี้"
สำหรับการลงทุน 5,000 ล้านบาท จะเป็นการลงทุนเกี่ยวกับการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ โดยบริษัทฯจะใช้โรงงานเอเอที AAT จังหวัดระยอง เพื่อผลิตเครื่องยนต์ ชิ้นส่วน เกียร์ แบตเตอรี่ในไทย และบริษัทฯมีเป้าหมายกในการผลิตเพื่อป้อนตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศ อาทิ อาเซียน ,ญี่ปุ่น รวมไปถึงศึกษาประเทศอื่นๆด้วย เนื่องจากไทยมีการทำ FTA กับหลายประเทศ
ทั้งนี้มาสด้า พร้อมเดินหน้าส่งมอบเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า ตามแนวทาง Multi-solution ซึ่งรวมถึง MHEVs, HEVs, PHEVs, BEVs, R-EVs และรถยนต์ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกของผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตรงกับความต้องการมากที่สุด
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า มาสด้ากำลังเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ Multi-solution โดยจะทำการเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ ถึง 5 รุ่น ระหว่างปี พ.ศ. 2568 – 2570 เพื่อสามารถตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า BEV 2 รุ่น รถ PHEV 1 รุ่น และรถ HEV 2 รุ่น โดยรุ่นแรกที่ลูกค้าได้สัมผัสในเร็ว ๆ นี้ คือ รถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่น Mazda6e
ทั้งนี้มาสด้ายังคงเดินหน้าผลักดันการผลิตที่โรงงานในประเทศไทย ทั้งที่โรงงาน AAT และ MPMT เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากโรงงานทั้งสองแห่ง และสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคอมแพ็คเอสยูวี ทั้งการจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังต่างประเทศทั่วโลก โดยโรงงานผลิตทั้งสองแห่งมีคุณภาพมาตรฐานเทียบเท่าระดับโลก นี่คือรากฐานที่มั่นคงที่จะช่วยเสริมสร้างให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน และเป็นศูนย์กลางที่สำคัญในการผลิตรถ xEVs ในอนาคต
ส่วนแผนงานทางด้านเครือโชว์รูมและศูนย์บริการ ปัจจุบัน ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มาสด้ามีผู้จำหน่ายทั้งหมด 19 โชว์รูม สามารถรองรับลูกค้าที่มาเข้ารับการบริการได้ถึง 250,000 รายต่อปี หรือมากกว่า 20,000 คันต่อปี ซึ่งเพียงพอกับลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ส่วนต่างจังหวัด มาสด้ากำลังเพิ่มศักยภาพของผู้จำหน่ายที่มีอยู่ทั้งหมด 65 แห่ง ให้พร้อมรองรับต่อความต้องการของลูกค้าที่จะเข้ามารับบริการ ด้วยกลยุทธ์ PMA ใหม่ ที่กำหนดขอบเขตให้ผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพสูงมีพื้นที่ในการดูแลลูกค้าเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน สามารถรองรับปริมาณงานซ่อมได้สูงสุด 450,000 คันต่อปี หรือมากกว่า 37,000 คันต่อเดือน สำหรับภาพรวมทั่วประเทศ ปัจจุบันมาสด้ามีลูกค้า 250,000 คัน ที่อยู่ในระบบซึ่งเครือข่ายผู้จำหน่ายทั้งหมด 84 โชว์รูม สามารถส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ