"นิสสัน" ยอดผลิตทั่วโลกลด ยกเว้นเม็กซิโก แต่เจอทรัมป์สกัด

28 พ.ย. 2567 | 15:42 น.
อัปเดตล่าสุด :03 ธ.ค. 2567 | 16:45 น.

นิสสันประสบปัญหายอดผลิตลดลงในหลายประเทศทั่วโลกในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยกเว้นในเม็กซิโกที่ยอดยังเติบโตสวนทาง แต่ต้องเผชิญแรงกดดันใหม่จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ขู่จะเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25 เปอร์เซ็นต์

นิสสัน มอเตอร์ เปิดเผยว่าการผลิตทั่วโลกลดลงเป็นเดือนที่ห้าติดต่อกันในเดือนตุลาคม โดยนำโดยการปรับลดกะการผลิตในศูนย์กลางการผลิตส่วนใหญ่ ยกเว้นเม็กซิโก

แม้ว่ายอดขายทั่วโลกจะลดลงเป็นเดือนที่ 7 ก็ตาม แต่ยอดขายในตลาดหลักของ Nissan อย่างสหรัฐกลับเติบโตขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน

เมื่อต้นเดือนนี้ นิสสันได้ประกาศแผนที่จะเลิกจ้างพนักงาน 9,000 คนและกำลังการผลิต 20% ทั่วโลกเพื่อลดต้นทุน หลังจากผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสามของญี่ปุ่น รองจากโตโยต้าและฮอนด้ายอดขายตกต่ำในจีนและสหรัฐ

การผลิตรถยนต์ทั่วโลกของ Nissan ในเดือนตุลาคมลดลง 6% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน เหลือ 290,848 คัน การผลิตในสหรัฐฯ และจีนลดลง 15% ในขณะที่การผลิตในอังกฤษลดลง 23% และการผลิตในญี่ปุ่นลดลง 4%

ยกเว้นที่เม็กซิโก ซึ่งการผลิตเพิ่มขึ้น 12% เป็น 70,382 คัน ซึ่งหมายความว่า รถยนต์ Nissan เกือบหนึ่งในสี่คันทั่วโลกผลิตในเม็กซิโกเมื่อเดือนที่แล้ว

สิ่งนี้อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อสัปดาห์นี้ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม

นิสสันส่งออกรถยนต์ประมาณ 300,000 คันจากเม็กซิโกไปยังสหรัฐในปีนี้และจะติดตามแผนภาษีศุลกากรอย่างใกล้ชิด มาโกโตะ อุชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวไม่นานหลังจากทรัมป์ได้รับการเลือกตั้งอีกสมัย

ในเดือนตุลาคม นิสสันขายรถยนต์ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งถือเป็นการเติบโตครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม นำโดยรถเก๋งขนาดเล็กรุ่น Sentra นอกจากนี้ ยอดขายของนิสสันยังเพิ่มขึ้นในเม็กซิโกและแคนาดา แต่ลดลงในอัตราเลขสองหลักในจีนและยุโรป ส่งผลให้ยอดขายทั่วโลกลดลง 3%