ต้องยอมรับว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เป็นค่ายรถยนต์ที่ “ทำถึง” ที่สุดแล้วละครับ กับกิจกรรมทดสอบรถบนสนามแข่งระดับโลก
ปีนี้ Mercedes-Benz Driving Events 2024 ปิดสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ 1 สัปดาห์ เปิดโอกาสให้ ลูกค้า สื่อมวลชน และพนักงานของตนเอง สลับกันมาเรียนรู้ทักษะการขับขี่พื้นฐาน ไปจนถึงขั้นสูง จากผู้ฝึกสอนเยอรมัน ที่มีดีกรีระดับนักแข่งแชมป์โลก
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ระดมรถยนต์จากกรุงเทพมาเกือบๆ 30 รุ่น เพื่องาน Driving Events 2024 ไฮไลต์อยู่ที่โมเดลใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวคือ CLE 300 4MATIC Coupe AMG Dynamic และ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupe
รถคูเป้ CLE-Class จะเข้ามาทำตลาดแทน ซี-คลาส คูเป้ และอี-คลาส คูเป้ ที่เลิกผลิตไปแล้ว โดยประเทศไทย ยังได้สิทธิ์ขึ้นไลน์ประกอบ ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ สำโรง จ.สมุทรปราการ
หลังการเปิดตัว CLE-Class ยังได้การตอบรับดีพอสมควร แต่กว่าจะมีรถส่งมอบต้องรอถึงเดือนตุลาคมนี้ และที่น่าแปลกใจคือสัดส่วนการขายกลายเป็นว่า ระหว่างรุ่น CLE 300 4MATIC ราคา 3.95 ล้านบาท และตัวแรง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupe ราคา 5.25 ล้านบาท มีสัดส่วนขายใกล้เคียงกันที่ 50:50
…เรียกว่าไหนๆ จะซื้อโมเดลใหม่มาใช้เป็นคนแรกๆ แล้ว ลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอจัดเต็มไปตัวโหด Mercedes-AMG เลย แม้จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 1.3 ล้านบาท
ผมมีโอกาสได้ลองขับ Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupe พบว่า ตัวรถมีไดนามิกยอดเยี่ยม การถ่ายเทน้ำหนักทำได้เนียนๆ เวลาเข้าออกโค้ง (เป็นไปตามที่คาดและเรียนรู้มา)
ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ เรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบ Mild-Hybrid 48โวลต์ เสียงหวานๆ ให้กำลังสูงสุด 449 แรงม้า พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC+ แถมมีฟังก์ชั่น RACE START และ Drift mode เพิ่มมาให้
ล้อสีดำสวยๆ วงโตขนาด 20 นิ้ว ช่วงล่างแน่นๆ ได้เกียร์ อัตโนมัติ 9 สปีด AMG SPEEDSHIFT MCT 9G ส่งกำลังได้กระชับ ฉับไว ช่วยให้ทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ได้เวลา 4.2 วินาที
จริงๆ กิจกรรม Mercedes-Benz Driving Events 2024 แบ่งเป็นสถานีต่างๆ ให้ขับกันถึง 2 วัน (ครึ่งวันบ่าย กับครึ่งวันเช้า)
ไล่ตั้งแต่สถานี Brake & Avoid ทดสอบเบรกทางตรงและการทดสอบเบรกแบบหักหลบสิ่งกีดขวาง ด้วยพิกัดความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. ตามลำดับกับพวกเอสยูวีตระกูล GLC GLE และ GLS
จากนั้นข้ามมา Drag Race แข่งออกตัวทางตรงในสไตล์ควอเตอร์ไมล์ เพียงแต่สถานีนี้ระยะทางไม่ถึงครับอยู่ที่ 250 เมตร กับรถที่ประกบคู่กันทั้ง Mercedes-AMG CLE 53 4MATIC+ Coupe กับ Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+, Mercedes-AMG G 63, Mercedes-AMG SL 43 รวมถึง EV Mercedes-AMG EQE 53 4MATIC+
นอกนี้ยังมีสนามทดสอบทักษะ การเดินคันเร่ง, เบรก และการควบคุมพวงมาลัยอย่าง Motor Khana และ Cornering อีกด้วย ซึ่งผู้ฝีกสอนจะคอยแนะนำขั้นตอน ตั้งแต่จังหวะการเบรกก่อนเข้าโค้ง การลดรัศมีของโค้ง วิธีการมองจุดตัดยอดโค้ง จนไปถึงการหาทางออกและจังหวะการออกรถเมื่อพ้นโค้ง โดยทุกเทคนิคสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งการขับขี่บนสนามแข่ง และการขับบนท้องถนนจริง
ก่อนที่ความบันเทิงจะมาเกิดอีกในวันรุ่งขึ้น (ครึ่งวันเช้า) กับการขับ Full Lap บนสนามช้าง ระยะทาง 4.5 กม./รอบ เผชิญ 12 โค้งที่ท้าทาย
เรียกว่า เรานำความรู้ที่ได้ในวันแรก มาจัดเต็มในวันที่สอง กับรถยนต์ทุกรุ่นที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเตรียมมา ซึ่งส่วนตัวผมประทับใจกับรอบที่ได้ขับ Mercedes-AMG SL 43 สุดๆ เพราะสปอร์ตโรดสเตอร์ระดับตำนานมีความหลอมรวมกับผู้ขับ ไม่ต้องดุดันรุนแรงมาก แต่รถบาลานซ์กำลังดี รถน้ำหนักเบา เล่นในโค้งสนุก (ถ้าเป็นรุ่น 55 เครื่องยนต์ V8 อาจจะเป็นอีกอารมณ์)
Mercedes-Benz Driving Events 2024 ปีนี้สนุกสนานแบบไม่มีขาดตกบกพร่อง แถมท้าทายมากขึ้นด้วย สายฝนที่โปรยลงมา ทำให้เราได้ลองขับแบบ Wet Track เหมือน “ลูอิส แฮมิลตัน” แถมยังได้ขับตอนกลางคืนแบบ Night Race แบบ F1 สนามล่าสุดที่สิงคโปร์ …แล้วปีหน้าเจอกันใหม่