หมดแรงได้แต่อย่าหมดไฟ เมอร์เซเดส-เบนซ์ กลับมาทำยอดจดทะเบียนรถใหม่ (รย.1) แซงหน้า บีเอ็มดับเบิลยู ได้สำเร็จ โดยครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 66) ทำได้ 7,589 คัน มากกว่าคู่แข่งจากมิวนิคที่มีตัวเลข 7,317 คัน (กรมการขนส่งทางบก)
ในครึ่งปีหลัง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังรุกเข้มเต็มขั้น หวังทวงแชมป์รถหรูเมืองไทยจากบีเอ็มดับเบิลยู ด้วยความพร้อมของโปรดักต์หลายรุ่น ทั้งแบบโมเดลเชนจ์ และไมเนอร์เชนจ์ หรือ Facelift โดยวันที่ 10 สิงหาคมนี้ เตรียมจัดงานเปิดตัว The new GLC โฉมใหม่ เจเนอเรชัน ที่ 3 หลังจากตลาดโลกเปิดตัวไปแล้ว 1 ปี
เอสยูวีคู่แข่ง BMW X3 จะขึ้นไลน์ ประกอบในประเทศ ด้วยรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด Mercedes-Benz GLC 350e 4MATIC ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 31.2 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในโหมด EV วิ่งได้ระยะทางสูงสุด 120 กม. (มาตรฐาน WLTP) จากนั้นรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล GLC 220d พร้อมระบบไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์ จะตามมาช่วงปลายปี
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ยังมีเอสยูวีอีก 3 รุ่นจ่อเปิดตัวแต่เป็นระดับ Facelift คือ GLE GLA และ GLS ตามลำดับ ทว่าไฮไลต์ที่แสดงถึงความพร้อมในการเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คือการเสริมทัพ EV รุ่น EQE SUV และตัวแรง AMG
สำหรับ EQE SUV รุ่นที่นำเข้ามาทำตลาดในไทยคือ EQE 350 4MATIC AMG Line มอเตอร์สองตัวให้กำลัง 292 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 765 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ความจุ 90.6 kWh ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง558 กม. (WLTP)
อีกรุ่นเป็นตัวแรง Mercedes AMG EQE 53 4MATIC+ มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลัง 635 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 950 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. ด้านแบตเตอรี่ความจุ 90.6 kWh วิ่งได้ระยะทาง 518 กม.(WLTP)
ทั้งนี้ ประธาน เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มาร์ทิน ชเวงค์ เคยเปิดเผยว่า ภายใน 5 ปีนับจากนี้ พอร์ตการขายรถใหม่ในไทย 50% จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV
ปัจจุบัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ มี EV ทำตลาดในไทยเพียง 2 รุ่นคือ EQS ประกอบในประเทศ และ EQB ที่เพิ่งสั่งนำเข้าล็อตใหม่มาขายเพิ่มอีก 100 คัน หลังจากในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2023 เปิดให้จอง EQB 250 AMG ราคา 3.02 ล้านบาท จำนวน 70 คัน แล้วหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว