MG ผู้บุกเบิก EV ไทย ก้าวสู่ทศวรรษใหม่แห่งความยั่งยืน

22 มี.ค. 2566 | 11:38 น.
อัปเดตล่าสุด :22 มี.ค. 2566 | 12:03 น.

MG ถือเป็นผู้เปิดทางสร้างการรับรู้ให้กับรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ด้วยโปรดักต์หลากหลาย มาในราคาที่ผู้บริโภคชาวไทยเป็นเจ้าของได้ง่าย พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง

ย้อนไป 4 ปีก่อน บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว EV รุ่นแรกคือ เอสยูวี MG ZS EV จากนั้นตามด้วยรถสเตชันแวกอน MG EP และปีที่ผ่านมาเสริมทัพรถแฮตช์แบ็ก MG 4 ล่าสุดกับ MG ES (รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ MG EP) นั่นทำให้เอ็มจี มีทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในตลาด ทั้ง EV และประเภทไฮบริด,ปลั๊ก-อินไฮบริด

MG ผู้บุกเบิก EV ไทย ก้าวสู่ทศวรรษใหม่แห่งความยั่งยืน

สำหรับปี 2566 เป็นการดำเนินธุรกิจครบ 10 ปีของเอ็มจีในประเทศไทย ด้วยแผนการสร้างแบรนด์อย่างมั่นคง พร้อมด้วยโปรดักต์คุณภาพที่เข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย การยกระดับบริการหลังการขาย และ EV ECOSYSTEM ควบคู่กันไปอย่างแข็งแกร่ง เอ็มจีได้ประกาศเป้าหมายของการก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยการนำแบรนด์ขึ้นไปอยู่ 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

 

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ็มจี เตรียมสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทย โดยภายในครึ่งปีแรกมีแผนเปิดตัวอย่างน้อย 2 รุ่น พร้อมเดินหน้าส่งมอบรถอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 แบรนด์รถยนต์ในไทย

 

จากจุดเริ่มต้นที่ เอ็มจี ได้จุดประกายให้ตลาด EV เกิดขึ้นในไทยเมื่อ 4 ปีก่อน จนปัจจุบันคนไทยได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเอ็มจีแล้วกว่า 8,000 คัน และในปีนี้ เอ็มจียังคงเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย การันตีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล โดยมีแรงสนับสนุนจาก SAIC MOTOR CORPORATION พร้อมตั้งเป้าส่งมอบ EV เฉลี่ยเดือนละไม่น้อยกว่า 1,000 คัน

นอกจากเรื่องโปรดักต์ เอ็มจียังดูแลครอบคลุมไปถึงการบริการ ผ่านการสร้างมาตรฐานการบำรุงรักษา EV ให้ลูกค้ามั่นใจได้ในทุกศูนย์บริการ ขณะเดียวกันค่าบำรุงรักษาตามระยะทางของรถเอ็มจี EV ถือว่าถูกมาก หรือเฉลี่ย 100,000 กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 8,000 บาท

พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ MG ผู้บุกเบิก EV ไทย ก้าวสู่ทศวรรษใหม่แห่งความยั่งยืน

“เอ็มจียังเดินหน้าขยายระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ให้สามารถรองรับการขยายตัวของตลาด และอำนวยความสะดวกทุกพื้นที่ด้วยการเพิ่มเครือข่ายสถานี MG Super Charge เพื่อรองรับผู้ใช้บริการในทุกๆ 150 กิโลเมตรหรือน้อยกว่า ควบคู่กับการติดตั้งสถานีชาร์จในศูนย์บริการทั่วประเทศ โดยภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสถานีชาร์จไม่น้อยกว่า 200 แห่ง”  นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวสรุป