ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ เสริมทัพรถอเนกประสงค์ระดับบี-เอสยูวีรุ่นใหม่ ฮุนได เครต้า Hyundai Creta ที่นำเข้ามาจากประเทศอินโดนีเซีย ถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางการขาย ขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ นอกเหนือไปจากการทำตลาดรถตู้อย่าง H1 และโมเดลล่าสุด Staria
งานนี้ดิสทริบิวเตอร์อย่าง ฮุนได มอเตอร์ ไทยแลนด์ (ในเครือโซจิทซึ ประเทศญี่ปุ่น) เหมือน โดนป้ายยาให้ขาย Hyundai Creta เพราะที่ผ่านมา นำรถตู้เข้ามาทำตลาดแบบเป็นลํ่าเป็นสัน (จากเกาหลีใต้และอินโดนีเซีย) ฉะนั้นพอฮุนไดมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ และโรงงานผลิตที่ประเทศ อินโดนิเซียมีความพร้อม ก็ต้องแบ่งโปรดักต์ตัวอื่นๆ มาช่วยขายบ้าง
โดย Hyundai Creta ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าตามกรอบ AFTA เหมือนรถอเนกประสงค์หลายๆ รุ่นที่บรรดาคู่แข่ง แบรนด์ญี่ปุ่นนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งแบ่งการขายเป็นสองรุ่นย่อยคือ SE ราคา 949,000 บาท และรุ่นท็อป SEL ราคา 999,000 บาท
เมื่อผมเห็นราคา และพิจารณาเทียบกับคู่แข่งบีเอสยูวี ในตลาดพบว่า Hyundai Creta น่าจะพบกับความยากลำบากในการขายพอสมควร เพราะถ้าเทียบกับ MG ZS เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร NA เหมือนกัน แต่มีเงิน 700,000 บาทก็ซื้อได้แล้ว หรือถ้าเปรียบกับเจ้าตลาด Toyota Corolla Cross เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ราคา 989,000 บาท ก็ได้เปรียบเรื่องขุมพลัง และชื่อชั้นของแบรนด์
งานนี้ Hyundai Creta เหนื่อยแน่นอน ในการนำรถมาบุกตลาดเรดโอเชี่ยนที่มีรถยนต์มากรุ่น หลากหลายขุมพลัง เลือกได้ตั้งแต่ราคา 7 แสนบาท ไปจนถึงราคาล้านต้นๆ
สำหรับ Hyundai Creta รุ่นท็อป SEL กับรุ่นเริ่มต้น SE ราคาต่างกัน 5 หมื่นบาท มีแค่ 3 ฟังก์ชันที่ต่างกันคือ การจ่าย 999,000 บาท จะได้หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร และระบบเตือนให้หันไปตรวจเช็กผู้โดยสารด้านหลัง เมื่อเราดับเครื่องยนต์และเปิดประตู (จริงๆ ฟังก์ชันนี้มาไม่เต็ม เพราะถ้าเป็นรถตู้ฮุนไดที่ทำตลาดในต่างประเทศ จะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อน ไหวเลยว่า คนขับมีโอกาสลืมเด็กไว้ในรถหรือไม่)
ส่วนฟังก์ชั่นอื่นๆ จัดมาให้เป็นมาตรฐานเหมือนกันทั้ง 2 รุ่นย่อยเช่น Daytime Running Lights ที่เนียนแทรกไปกับกระจังหน้า ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ภายในใช้หน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้วรองรับ Android Auto และ Apple Car Display
ขณะที่หน้าจอแสดงผลหลังพวงมาลัย เป็นดิจิทัลขนาด 10.25 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนสีตามโหมดการขับขี่ คอนโซลกลางติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto hold และที่วางชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สาย
นอกจากนี้ยังให้ Hyundai SmartSense ตรวจจับวัตถุด้วยกล้องหน้าตัวเดียว รองรับระบบช่วยเหลือคนขับ ทั้ง ระบบเตือนและเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ, ระบบเตือนและช่วยควบคุมพวงมาลัยเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตา, ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน, ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ ตลอดจนกล้องมองหลังแสดงภาพขณะถอยจอด อันสอดคล้องกับระบบเตือนและเบรกอัตโนมัติขณะถอยรถ และระบบเตือนการเปิดประตูเมื่อมีรถวิ่งผ่านด้านข้าง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดใน Hyundai Creta คือ เรื่องสมรรถนะกรขับขี่ครับ โดยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังสูง สุด 115 แรงม้าที่ 6,300 รอบต่อนาที แรงบิด 144 นิวตัน-เมตร ที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังลงสู่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT สายพานโลหะ ที่ให้อัตราเร่งดี ตอบสนองรวดเร็ว
หรือถ้าเทียบกับ MG ZS ต้องบอกว่า บีเอสยูวีเกาหลี ขับสนุกกว่า โดยเครื่องยนต์กับเกียร์ผสานการทำงานได้อย่างกระปรี้ กระเปร่า สอดคล้องกับการควบ คุมพวงมาลัยอารมณ์หนึบๆ เมื่อขับความเร็วสูงช่วงล่างและตัวถัง ยังให้ความมั่นใจสูง
ขณะที่อัตราบริโภคนํ้ามัน Hyundai Creta ที่ได้ทดสอบบนทางหลวงเส้นทางยาวๆ จากนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ใช้ความเร็ว 80-100 กม./ชม.เป็นหลัก ยังเห็นตัวเลขแสดงที่หน้าจอระดับ 16-17 กม./ลิตร
รวบรัดตัดความ...การออกแบบที่เน้นมิติของชุดไฟช่วยเพิ่มความทันสมัย และให้อารมณ์ที่โดดเด่นแตกต่าง พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่จัดมาในระดับเดียวกับคู่แข่ง แต่ค่าตัวเกือบๆ 1 ล้านบาท ในเซกเมนต์นี้มีตัวเลือกโหดๆ เพียบ แต่สิ่งที่ Hyundai Creta ทำได้ยอดเยี่ยมคือเรื่องสมรรถนะการขับขี่ในพิกัดเครื่อง ยนต์ 1.5 ลิตร การตอบสนองของพละกำลัง การควบคุมช่วงล่าง ทำได้ดีเกินคาดจริงๆ ครับ
รีวิว Hyundai Creta : กรกิต กสิคุณ