รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน

29 ม.ค. 2565 | 09:59 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ม.ค. 2565 | 00:27 น.
7.0 k

รีวิว EQS EV รุ่นแรกที่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมประกอบและขายในไทยช่วงปลายปี 2565 ขับไกล 700 กม. ดังนั้นการทดสอบเส้นทางกรุงเทพ เขาใหญ่ ไป-กลับ ไม่ต้องชาร์จไฟก็ได้

รีวิว EQS 450+ AMG Premium รถพลังงานไฟฟ้า EV ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ประเดิมนำเข้ามาทำกิจกรรม พร้อมปูทางสร้างการรับรู้ก่อนที่ปลายปี 2565 จะเริ่มขึ้นไลน์ประกอบในไทย

 

การประกอบ The new EQS ที่โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ สำโรง จ.สมุทรปราการ ช่วงปลายปีนี้ ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็น EQS รุ่นย่อย 450+ AMG Premium หรือไม่ แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นรุ่นมอเตอร์ตัวเดียว ขับได้ระยะทางเกิน 700 กม. จากการชาร์จไฟ เต็มหนึ่งครั้ง

รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน

หลังจากผมเคยรีวิว EQS ก่อนที่รถจะเข้าไปอวดโฉมในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2021 ล่าสุดมีโอกาสขับบนท้องถนนจริง บนเส้นทางกรุงเทพ-ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 200 กม.

 

แน่นอนว่า EQS 450+ AMG Premium ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 107.8 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีพิสัยการเดินทางเพียงพอที่จะขับไปกลับกรุงเทพ-ปากช่อง ได้สบาย โดยไม่ต้องแวะ ชาร์จระหว่างทาง

 

อย่างไรก็ตาม มีช่วงที่ผมขอลองชาร์จไฟให้เต็ม 100% (จากตู้อัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ Elex ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต) รถโชว์ระยะทางที่วิ่งได้ 613 กม. ซึ่งระยะทางนี้ จะถูกคำนวนจากพฤติกรรมการขับขี่ก่อนหน้านี้ รวมถึงสภาพแวดล้อมในตอนนั้น ตลอดจนความเข้มข้นของพลังงานไฟฟ้าที่ได้ ว่ารถผ่านการชาร์จแบบ AC ช้าๆ มาเต็มๆ หรือ DC แรงๆ มาเร็วๆ ซึ่งการอัดประจุในแบบควิกชาร์จ เมื่อนำรถมาขับจริงๆ มีโอกาสที่พลังงานในแบตเตอรี่จะหมดเร็วกว่า เมื่อเทียบกับการชาร์จแบบธรรมดา (ในหน่วยพลังงานที่ได้มาเท่ากัน)

 

EQS 450+ AMG Premium รองรับหัวชาร์จแบบ CCS Combo 2 ออนบอร์ดชาร์จเจอร์ของการชาร์จไฟกระแสตรงระดับ 200 KW ดังนั้น ถ้าเจอตู้แรงๆในเมืองไทย รถก็สามารถรับได้เต็มๆ (ขึ้นอยู่กับตู้จะปล่อยพลังงานให้แรงเท่าไหร่) ส่วนการชาร์จไฟแบบกระแสสลับ AC ออนบอร์ดชาร์จเจอร์ 22 KW

ด้านมอเตอร์ขับหนึ่งตัว ให้กำลัง 333 แรงม้า แรงบิด 568 นิวตัน-เมตร มีเฟืองสองตัว (2 สปีด) คอยควบคุมรอบก่อนลงสู่เพลา อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 6.2 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.

รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน

มอเตอร์กำลังแรงเพียงตัวเดียว (ถ้ารุ่นมอเตอร์สองตัวจะขนาดไหน) สามารถปลดปล่อยพละกำลัง ขับเคลื่อนรถนํ้าหนักระดับ 2.5 ตันได้สบาย (นํ้าหนักแบตเตอรี่ก็เกือบจะ 1 ตันอยู่แล้ว) อย่างการไต่ความเร็วจาก 60 กม./ชม. ให้ขึ้นไปถึง 120 กม./ชม. ใช้เวลาเพียงอึดใจ

 

EQS ยังเพิ่มความเร้าใจด้วยการแต่งเสียงสังเคราะห์ในระหว่าง ขับขี่ โดยเลือกได้ 2 แบบ (หรือจะปิดก็ได้) ยิ่งในโหมดสปอร์ต นอกจากรถจะปรับช่วงล่างถุงลมให้เตี้ยลงมาจากปกติ 20 มม. แล้ว เมื่อเหยียบคันเร่งแรงๆ ผู้ขับจะได้ยินเสียงหวีดหวิว อารมณ์เหมือนในหนังนิยายวิทยาศาสตร์ แหวกอากาศออกไปนอกโลก

 

...ถือเป็นฟังก์ชันในแบบฉบับ EV ที่รถไม่มีเครื่องยนต์ ไม่มีท่อไอเสียละครับ

 

ส่วนการตกแต่งภายใน โดดเด่นกับหน้าจอใหญ่ๆ 3 ชุด ทั้งฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า จอตรงกลาง และจอหลังพวงมาลัย ถ้านับขนาดรวมกันก็ประมาณ 56 นิ้ว ซึ่งแต่ละจอจะทำหน้าที่แสดงชุดข้อมูลต่างๆ พร้อมแยกการแสดงผลให้สอดคล้องกับการใช้งาน

 

ด้านฟีเจอร์อื่นๆ ยังมีกล้องหลังพวงมาลัย คอยตรวจจับใบหน้าผู้ขับ โดยเข้ามาช่วยเรื่องความปลอดภัย กรณีพบว่า คนขับหลับตา (หลับใน) สลบ คอพับ มือละออกจากพวงมาลัย ระบบนี้จะสั่งงานให้รถชะลอความเร็วทันที พร้อมค่อยๆ ขยับชิดซ้ายและเบรกให้อัตโนมัติ ถือเป็นฟีเจอร์ลํ้าสมัยแบบเวิล์ดคลาสที่ใส่มาใน EQS

รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน กล้องนี้ยังตรวจจับใบหน้า หากตรงกับที่ลงทะเบียนไว้ เมื่อเข้ามานั่งหลังพวงมาลัย รถจะปรับตําแหน่งของเบาะ-พวงมาลัย-กระจกมองข้าง รวมถึงแสงไฟแอมเบี้ยนต์ ที่ผู้ขับคนนี้ตั้งค่าเอาไว้ (ถ้าเป็นเอส-คลาส ฟังก์ชันนี้ จะทำผ่านการสแกนลายนิ้วมือ)

การปิดประตูของ EQS ยังไม่ใช่แบบประตูดูด หรือ Soft Close เหมือน เอส-คลาส ขณะที่มิติตัวถังยังสั้นกว่า V223 (รุ่นฐานล้อยาว) เล็กน้อย ทว่าตำแหน่งนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ยังมีพื้นที่ยืดแข้งขาสบาย

รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน

ส่วนการออกแบบที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์ EQS มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd เพียง 2.0 ตรงนี้ช่วยเรื่องแรงกด เพิ่มเสถียรภาพการขับขี่ และประหยัดพลังงาน ตามปรัชญาการออกแบบรถยนต์ยุคใหม่

 

เหนืออื่นใด เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังสงวนความพิเศษไว้ให้ EQS คือระบบช่วยเลี้ยวล้อหลัง ที่ล้อหลังสามารถปรับได้สูงสุด 4.5 องศา ซึ่งการขับช้าๆ ล้อหลังจะบิดไปในทิศทางตรงกันข้ามกับล้อหน้า ช่วยให้รัศมีวงเลี้ยวแคบลง

 

กรณีขับเข้าโค้งความเร็วสูง ล้อหลังจะปรับองศาไปในทิศทางเดียว กับล้อหน้า เพื่อเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ซึ่งระบบนี้ เอส-คลาส V223 ไม่ได้ติดมาให้

 

ด้านอัตราบริโภคพลังงาน หากขับเรื่อยๆ (วิ่งทางไกลออกต่างจังหวัด) ไม่เร่งแบบโหดๆ บ่อยๆ ผมเห็นตัวเลขแสดงผลประมาณ 17-18 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร แต่ถ้าขับความเร็วเกิน 120 กม./ชม. และมุดแซงอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขก็เกิน 22  ละครับ

รีวิว อีวีเบนซ์ EQS 450+ รถแห่งอนาคต ได้ใช้ในปัจจุบัน

รวบรัดตัดความ...EV พลังแรง แต่ยังแฝงด้วยความนุ่มนวล และมาพร้อมนวัตกรรมลํ้าสมัย สมกับเป็นแฟลกชิปโมเดลของ Mercedes EQ  โดย EQS 450+ AMG Premium คันนี้นำเข้ามาจากเยอรมนี ส่วนรุ่นขายจริงปลายปี 2565 ต้องรอการประกอบในประเทศที่บรรดาดีลเลอร์คาดเดาว่า ราคาน่าจะเกิน 7 ล้านบาท 

เรื่อง รีวิว EQS : กรกิต กสิคุณ