นิสสัน จับมือ ซูมิโตโม ขยายธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV

15 ม.ค. 2565 | 11:14 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ม.ค. 2565 | 18:24 น.

นิสสัน มอเตอร์ จับมือ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ขยายธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV หมุนเวียนกลับมาใช้ในครัวเรือนและหน่วยงานท้องถิ่น เตรียมความพร้อมรองรับการชขยายตัวของตลาด EV ในอนาคต และป้องกันราคารถยนต์อีวี มือสอง ไม่ให้ลดลงมาก

ผู้สื่อข่าวจากนิเคอิ ชุติมา อุชิดะ รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด และ ซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น ได้ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจการนำแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กลับมาใช้ใหม่เป็นอุปกรณ์เก็บไฟฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัยและหน่วยงานท้องถิ่น

นิสสัน จับมือ ซูมิโตโม ขยายธุรกิจรีไซเคิลแบตเตอรี่ EV

ที่ผ่านมา มีเพียงการนำแบตเตอรี่ EV เก่ากลับมาใช้ใหม่ในโรงงานอุตสาหกรรมเท่านั้น ซึ่งการขยายธุรกิจไปยังครัวเรือนและท้องถิ่นครั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการจัดการซากแบตเตอรี่ใช้แล้ว ที่คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจากการเจริญเติบโตของตลาด EV ในอนาคต

นายมาโกโตะ อุชิดะ (Makoto Uchida) ซีอีโอ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ เปิดเผยว่า นิสสันต้องการขยายตลาดและเพิ่มความสำคัญของการหมุนเวียนแบตเตอรี่ EV เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ โดยมองว่าจะช่วยป้องกันราคาของรถยนต์ไฟฟ้ามือสองไม่ให้ลดลงมากด้วย เนื่องจาก แบตเตอรี่ EV คิดเป็นสัดส่วนต้นทุนของรถยนต์ไฟฟ้าถึง 30-40%

 

ดังนั้นหากทำให้แบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานแล้วยังคงมีมูลค่าโดยนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ ก็จะสร้างความน่าเชื่อถือและรักษาราคาในตลาดรถ EV มือสอง อีกทั้งจะส่งผลให้แบรนด์ Nissan มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นตามไปด้วย

สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น คาดการณ์ว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านคันต่อปี ในปี ค.ศ. 2025 และจะเพิ่มเป็น 3 ล้านคันต่อปี ในปี 2035 ดังนั้น การจัดการซากแบตเตอรี่ EV ที่มีประสิทธิภาพจะช่วยลดการใช้วัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรี่ได้มาก โดยเฉพาะกลุ่มแร่โลหะหายาก (RE metal) ที่นับวันจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นแต่ทรัพยากรมีจำกัด

 

นอกจากนี้ องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) ยังชี้ว่า การหมุนเวียนแบตเตอรี่ EV เป็นการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในขบวนการผลิต การใช้ จนถึงการทำลายซาก EV ซึ่งหากปริมาณการรีไซเคิลโลหะในซ่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้ามีไม่ถึง 12% ก็อาจส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นถึง 2 องศา ในปี 2040 

 

การลงทุนในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ EV ของนิสสันครั้งนี้ ถือเป็นการขยับเพื่อมุ่งสู่ยานยนต์แห่งอนาคตเต็มตัว โดยก่อนหน้านี้บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง Toyota Motor Corporation ก็เพิ่งเปิดตัวโครงการที่ทำร่วมกับ The Kansai Electric Power Co, INC. (KEPCO) และอีก 25 หน่วยงานของเมืองโกเบ ภายใต้ชื่อ “ReBaaS” (Rebirth, Resilience, Revalue, Relation, Recovery Battery as a Service) ซึ่งเป็นการพัฒนาเทคโนโลยี Reuse และ Recycle แบตเตอรี่ EV โดยมีเป้าหมาย เพื่อพัฒนาอุปกรณ์เก็บไฟฟ้าและระบบการจัดการไฟฟ้า เพื่อเป็นต้นแบบในการนำแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านการใช้งานทั้งชนิด Nickle-metal hydride และ Lithium-ion battery กลับมาใช้ในโรงงานผลิตไฟฟ้าและหน่วยงานท้องถิ่น

 

รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยีการรีไซเคิลโลหะหายาก (RE metal) ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำมาใช้ในกระบวนการผลิตได้จริงภายในปี 2022 นี้