ล็อกซเลย์ ชิงแชร์ตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ส่ง TTF ลุยตลาดรถสาธารณะเชียงใหม่
หลังจากค่ายล็อกซเล่ย์ได้จับมือกับบริษัท ตุ๊กตุ๊ก แฟคตอรี่ จำกัด เพื่อเปิดตลาดรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ยี่ห้อ TTF ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ สหกรณ์สามล้อเครื่อง ,โรงแรม ,โรงพยาบาล คอนโดมิเนียม ,ร้านอาหาร ,สถานศึกษา และกลุ่มรถขายอาหาร (Food Truck) ซึ่งปีที่ผ่านมาสามารถมียอดจำหน่ายรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า TTF ให้ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไปแล้วกว่า 10 คัน
สำหรับรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า TTF ได้รับการออกแบบตามหลักวิศวกรรมที่ได้มาตรฐานระดับโลก มีโรงงานประกอบอยู่ในประเทศไทย และเป็นบริษัทเดียวจากประเทศไทยที่ได้รับการอนุมัติ Type Approval และการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ปัจจุบัน โรงงานแห่งนี้เป็นฐานการผลิตรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า TTF เพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ขณะที่แผนงานในปี 2562 จะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้ขับรถสามล้อรับจ้างสาธารณะ ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุมัติให้จดทะเบียนเพิ่มเติมเฉพาะในจังหวัดเชียงใหม่จำนวน 450 คัน และล็อกซเล่ย์คาดว่าจะชิงส่วนแบ่งการตลาดมาได้ประมาณ 10% นอกจากนั้นแล้วล็อกเล่ย์ได้จับมือกับธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนสินเชื่อรถสามล้อไฟฟ้าให้ผู้ประกอบอาชีพรถสามล้อรับจ้างมีโอกาสซื้อรถสามล้อไฟฟ้าไว้ใช้ประกอบอาชีพได้ง่ายขึ้น
“เราเตรียมเจาะตลาดเชียงใหม่ ซึ่งเราคาดหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในลดปัญหามลภาวะฝุ่นละอองในอากาศที่กำลังเป็นปัญหาอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดสามล้อมรับจ้างในกรุงเทพฯ นั้น ยังไม่ได้รับการอนุมัติให้จดทะเบียนเพิ่ม จึงยังไม่สามารถขยายตลาดในส่วนนี้ได้ “นายศุกรศิษฏ์ หริตวร ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายเพาเวอร์ ออโต้โมบิล บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวและว่า
“ล็อกซเล่ย์เป็นเอกชนรายแรกๆ ที่นำรถโดยสารไฟฟ้า ยี่ห้อ BYD ของจีนเข้ามาประกอบในไทย และผ่านการวิ่งทดสอบร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งสอดคล้องกับการจัดทำแผนแม่บทด้านยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ทั้งนี้นโยบายและการสนับสนุนต่างๆ จากหน่วยงานรัฐเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตในภาคธุรกิจ ดังนั้นการลดเงื่อนไขและข้อจำกัด จึงมีส่วนช่วยให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น”
นายศุกรศิษฏ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง บริษัทเชื่อมั่นว่ายานยนต์ไฟฟ้าจะสามารถเข้ามาแทนที่ยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลังงานสิ้นเปลืองที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ ที่เป็นหนึ่งในตัวการสร้างฝุ่นพิษ PM2.5 ได้อย่างแน่นอน