สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ดำเนินการรณรงค์ เรื่องการ ลด ละ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอบายมุข เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัย มานานกว่า 22 ปี และในปี 2564 ได้ขยายการดำเนินงานเสริมพลังและยกระดับการท่องเที่ยวโดยชุมชนสู่ธุรกิจชุมชนปลอดภัยลดปัจจัยเสี่ยงจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอบายมุข สู่โครงการ “วัฒนธรรมสร้างสุข ท่องเที่ยวปลอดภัย”
ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา พื้นที่ที่ได้รับการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต่างเข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย และเป็นพื้นที่ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภายใต้โครงการ “วัฒนธรรมสร้างสุข ท่องเที่ยวปลอดภัย” โดยได้รับประกาศเกียรติคุณ จากการร่วมขับเคลื่อนงานวัฒนธรรมสร้างสุข ท่องเที่ยวปลอดภัย ลดปัจจัยเสี่ยง จากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอบายมุขอย่างดีเยี่ยม ในปี 2566
นายชาญวิทูร สุขสว่างไกร ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า จังหวัดสงขลา และประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ต.แม่ทอม อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ได้กล่าวถึง การพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที ว่า “เรามุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ของชุมชนเพื่อสร้างกิจกรรมที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวไปพร้อม ๆ กับลดการเสี่ยงจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอบายมุข การพัฒนาชุมชนในรูปแบบนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างการมีส่วนร่วม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างรายได้ให้แก่คนในพื้นที่”
การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยในชุมชนไม่เพียงแต่ลดปัญหาด้านสุขภาพ แต่ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยการนำทรัพยากรท้องถิ่นมาใช้ในการจัดกิจกรรมนำเที่ยว โดยการนำเสนออัตลักษณ์ของชุมชนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำอาหารพื้นบ้าน การจักสาน และการเรียนรู้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและเรียนรู้จากกิจกรรมเหล่านี้อย่างแท้จริง
“วัดคูเต่า” ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2299 เดิมตั้งอยู่บ้านหนองหิน ต.แม่ทอม และด้วยเป็นพื้นที่ลุ่ม เป็นที่อาศัยของเต่าจำนวนมาก ชาวบ้านจึงเรียกว่า วัดสระเต่า ต่อมามีชาวจีนมาทำมาหากินบริเวณสองฟากฝั่งของคลองอู่ตะเภามากขึ้น ประกบกับพื้นที่ตั้งเดิมของวัดการสัญจรไม่สะดวก จึงย้ายวัดมาตั้งในพื้นที่ปัจจุบัน เหตุที่เรียกว่า “วัดคูเต่า” นั้น
เนื่องจากชาวจีนเข้ามาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินกันมากและได้ถางป่า ขุดตอ ทำสวนส้มจุก ป่าไม้ค่อยๆ หมดไป ขณะที่ทางทิศตะวันตกของวัด บริเวณบ้านหนองหินมีป่าไม้เสม็ดมาก ชาวบ้านจึงขุดคลองขึ้นทางทิศเหนือของวัดเชื่อมติดกับลำคลองและขุดยาวไปทางทิศตะวันตก เพื่อใช้เรือเล็กแล่นผ่านไปมาในฤดูฝน ซึ่งบริวเณคูมักจะมีเต่ามาอาศัยอยู่จำนวนมาก ชาวบ้านจึงเรียก “คูเต่า” ดังนั้น วัดสระเต่า จึงเปลี่ยนมาเรียกเป็น “วัดคูเต่า”
เนื่องจากวัดเป็นจุดศูนย์รวมของชุมชนตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของกิจกรรมท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่จึงเริ่มกันที่ วัดคูเต่า โดยพื้นที่ วัดคูเต่า ยังมีสถาปัตยกรรมที่ได้รับการบูรณะจากการมีส่วนร่วมของชุมชน และมีความสำคัญในการอนุรักษ์และเผยแพร่คุณค่าทางวัฒนธรรม โดยวัดนี้มี ศาลาโบราณ ซึ่งได้รับรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2554 จาก องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ( ยูเนสโก) และรางวัลจาก สมาคมสถาปนิกสยาม
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่เรียนรู้เกี่ยวกับ วิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา ผ่านพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงวัตถุโบราณและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน โดย นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมและเรียนรู้เกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการจัดแสดงและสื่อเทคโนโลยี เช่น QR Code ในแต่ละจุดซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น
ในตำบลแม่ทอม นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีทั้งการเรียนรู้วิถีชีวิตท้องถิ่นและการทดลองทำกิจกรรมต่าง ๆ (Workshop) เช่น การทำ กล้วยบวชชี การ จักสานจากเส้นใยกล้วย การทำ ขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมทองม้วน ขนมปำจี ซึ่งได้รับการถ่ายทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น และการเรียนรู้การ แปรรูปสมุนไพรพื้นถิ่น
โดยทุกกิจกรรมจะมาพร้อมกับการให้ความรู้และการมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว ดังนั้น ในทุก ๆ ฐานกิจกรรม นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับภูมิปัญญาท้องถิ่นผ่านการสอนจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ซึ่งนอกจากจะได้รับประสบการณ์ในการทำกิจกรรมแล้ว ยังได้ลิ้มรสอาหารหรือขนมพื้นบ้านจากฝีมือของตนเองอีกด้วย
การท่องเที่ยวในพื้นที่นี้จึงไม่ได้เป็นแค่การท่องเที่ยวเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างงานและรายได้ให้แก่ชุมชนโดยตรง นอกจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสกับความเป็นมาของวิถีชีวิตของคนในชุมชน ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้านแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งผ่านกระบวนการคิดและออกแบบรูปแบบกิจกรรมโดยกลุ่มคนในชุมชนเอง เพื่อให้มีความยืดหยุ่นต่อการท่องเที่ยวในพื้นที่ อาทิ การพายเรือคายัค เป็นต้น
การท่องเที่ยว ณ ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา นับเป็นการท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงความร่วมมือของชุมชนในการรักษาและส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น พร้อมทั้งสร้างความยั่งยืนให้แก่ชุมชนผ่านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและกิจกรรมที่ปลอดภัยจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนมีรายได้จากการท่องเที่ยวและทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและมั่นคงในระยะยาว
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสัมผัสกับประสบการณ์เหล่านี้ได้ที่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภา https://cbtsongkhla.com/khlong-u-taphao/