ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 4

31 ธ.ค. 2565 | 07:00 น.

ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 4 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3849

 

“คาดการณ์” คือ นึกคะเนเหตุการณ์ล่วงหน้า “ทำนาย” คือ บอกเหตุการณ์หรือความเป็นไปที่จะเกิดในเบื้องหน้า จะเห็นได้ว่า น้ำหนักของความน่าจะเป็นต่างกันอยู่บ้าง แต่ภาพนิ่งในอารมณ์ฟังดูแล้วก็คล้ายกับว่าไม่ค่อยจะแตกต่าง ถ้า “พยากรณ์” อย่างเช่น กรมอุตุนิยมวิทยา จะเป็นการ ทำนาย หรือ คาดการณ์ โดยอาศัยหลักวิชา เราแวะไปส่อง หมอ (นี่มันเดาน่า)ดู อุ่นเครื่องกันก่อน

 

เมื่อปี ค.ศ. 1911 ท่านศัลยแพทย์ ริชาร์ด เคลมองต์ ลูคัส ได้นำเสนอคำทำนายกลางงานบรรยาย ที่ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งอังกฤษ เรื่อง “นิ้วเท้านอกที่ไร้ประโยชน์” ว่า นิ้วเท้าของคน ในปี 2020 จะถูกใช้น้อยลงเรื่อยๆ จนเหลือแต่หัวแม่เท้าเพียงนิ้วเดียว เมื่อถึงวันนั้น “มนุษย์ก็จะเป็นหนึ่งเดียว” (ฮา) ฟอร์มนี้ทำทียังกะเป็น “น็อตตราดราม่า” คู่แข่ง นอสตราดามุส (ฮา)

 

ในปี 1806 ไก่เลี้ยง เมืองลีดส์ อังกฤษ ออกไข่มีข้อความว่า “พระคริสต์กำลังเสด็จมา” มีรายงานข่าวว่า ผู้คนจำนวนมากไปเยี่ยมแม่ไก่ และเริ่มหมดหวังกับวันพิพากษาที่จะมาถึง อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็มีการค้นพบว่า แท้ที่จริงแล้ว ไข่ไม่ใช่ข้อความพยากรณ์ แต่เป็นฝีมือของเจ้าของไข่ซึ่งใช้หมึกที่มีฤทธิ์กัดกร่อน เขียนบนไข่ และใส่กลับเข้าไปในร่างของแม่ไก่ที่น่าสงสาร เจ้าของไก่มาเกิดใหม่ถ้าไม่เป็นริดสิดวงก็แปลกล่ะ (ฮา) 


คนที่ใช้มุกง่าวจั๊ดแบบนี้ สำนักทรงรุ่นเก่าเขาจะเล่นกัน แม้แต่หมอเดาก็ไม่นิยมลองของกับมุกที่หาพิรุธได้ง่าย สำหรับพวกเราก็จำ ๆ กันเอาไว้จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ


กูรูของ นิตยสารไทม์ วิเคราะห์พลาด เมื่อปี 1966 ว่า “การซื้อของทางไกล แม้จะเป็นไปได้ทั้งหมด แต่ก็ล้มเหลว เพราะว่า ผู้หญิงชอบออกจากบ้าน ชอบจัดการสินค้า ชอบเปลี่ยนใจ” อีคอมเมิร์ซ คงจะของขึ้น มูลค่าเศรษฐกิจทะยานขึ้น 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และ คาดว่าจะเติบโตเป็น 4.88 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2564 ผู้คาดการณ์ท่านนั้นต้องเกิดยุคนี้จะได้สบายใจระดับหนึ่ง เพราะสวมหน้ากากหลบมุมได้ (ฮา)

 

ใครภาวนา “ขู่ให้กลัว ยั่วให้อยาก” ถ้าไม่ใช่ “ราก” ก็น่าจะเป็น “เมล็ด” ของ สายพันธุ์การขาย ที่แตกแขนงมาจากนักการตลาด เราน่าจะเดาออกว่าวิชาชีพอะไรที่มีแนวโน้ม ขู่ให้กลัวแล้วยั่วให้อยาก! คาดว่าสังคมจะกวาดสายตาชี้ว่า “พี่มิจ” ที่โทรมาอำ “คุณสิ้นไร้ เขาเอาสำเนาบัตรประชาชนคุณมาใช้อ้างอิงในการขอกู้เงินนะคะ” ไอ้ (พวกนี้เขาผลัดเวลากันมาเข้า) เวร อิๆ… ไม่ปฏิเสธว่ามันก็ใช่ ถ้าเดนคนพวกนี้ไม่แย่งปาดหน้าเค้กเสียก่อน เชื่อว่าท่านก็คงจะนึกถึง “หมอเดา” ว่า เขา ขู่ และ ยั่ว ได้แยบยล

 

ตลาดหมอดูโกยเงินไปแต่ละปีไม่ใช่น้อย วลีที่ว่า “ไม่ใช่น้อย” เป็นเนื้อหาที่สำแดงว่า คนพูดได้กลิ่นเงินแต่ไม่สามารถจะฟันธงได้ เพราะเกรงว่าธงจะหล่นใส่หัว (ฮา) ศูนย์วิจัยกสิกรไทย  รายงานเมื่อปี 2548 ว่า ธุรกิจหมอดู เงินสะพัดทั่วไทย 4,000 ล้านบาท ข่าวโมโน เคยรายงานว่า ในช่วง 2560 - 2562 มีการขอจดทะเบียนตั้งบริษัทว่าด้วย หมวดกิจกรรมโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ ไม่น้อยกว่า 30 - 40 ราย 

                               ไม่รู้เรื่องการตลาดชาติและหมู่ชนจะอับเฉา ฉากที่ 4

น่าแปลกใจตรงที่กฎหมายอนุโลมให้บริษัทสามารถรับจ้างบริการเป็นร่างทรง ไปค้นดูราชกิจจานุเบกษาในสมัย ร.5 ทรงสั่งห้ามไม่ให้มีการทรงเจ้าเข้าผี กฎหมายฉบับนี้ยังมีผลบังคับใช้แต่ไม่เอามาใช้บังคับ ถ้าทรงเจ้ากินเจผมไม่ติดใจ สำหรับสำนักทรงทั่วไปเบิกเนตรกันตรึม

 

พ่อผมก็ดูดวงเก่ง ผมเข้าใจจึงไม่ดูแคลน แต่เบื่อ “หมอเดา” ที่ “มักจะคะเนง่ายๆทำนายกันลวกๆ” ภาพลักษณ์ “ตลาดหมอดู” จะต้องปฏิรูป “องค์ความรู้” เกี่ยวกับวงจรชีวิตความเป็นมาของ โลก ดวงดาว และ คน ให้ลึกซึ้ง หยั่งให้ถึงรากแก้วว่า ชะตาคนเกิดจากอะไร ในโลกธุรกิจ ถ้า “โหราศาสตร์” คือ “สินค้า” บรรดา “หมอดู” คือ “นักขาย” หมอดูท่านใดอ้างว่า ชะตาเกิดมาจากดาว ผมจัดอันดับว่าเป็นแค่ หมอเดา ไม่ฉุกใจสักนิดว่า ชะตากรรม แสดงว่า กรรม คือ ต้นเหตุของชะตา แสดงว่า เขาเป็นนักขายที่เข้าไม่ถึงสินค้า!

 

ด่านสำคัญถัดมา คือ ข้อมูลวันเดือนปีเกิด เช่น เกิดคืนวันอังคาร เวลาตีหนึ่ง ผู้ที่ไม่รู้หลักจันทรคติก็จะบอกว่า เกิดวันพุธ เวลาตีหนึ่ง ถ้าหมอดูไม่สอบถามให้ถี่ถ้วนก็จะวิเคราะห์เข้ารกเข้าพง ด่านชี้เป็นชี้ตายก็คือ การแปลรหัสความสัมพันธ์ของตัวเลข ที่แทนค่าดวงดาว กับ จุดตำแหน่งที่ดาวสถิตย์ยึดโยงกันอยู่ ถ้าไม่รู้นัยก็ย่อมชี้แนะซี้ซั้ว อาทิ “ดาววันเกิดเขาอยู่ตรงจุดมรณะและอริ!” หมอดูชี้ว่า “คุณจะตายเพราะศัตรู!” ชัวร์เลย ว่าเป็นหมอเดา อันที่จริง “อริคือศัตรูอยู่ตรงจุดมรณะ หมายถึง ศัตรูแพ้ภัยตัวเองจึงทำอะไรเขาไม่ได้!”

 

ก่อนจะจ่ายตังค์ให้ใคร ควรเช็คก่อนที่จะให้เขาดูว่า หนึ่ง มีทักษะต่อการเข้าถึงข้อมูลวันเดือนปีเกิดถี่ถ้วนเพียงใด สอง เขารู้หรือเปล่าว่า “ดวง คือ แฟ้มบันทึกรายการบุพกรรมจากทุกภพชาติ” ถ้าไม่รู้แสดงว่าเขาเป็นนักขายที่ไม่เข้าใจรากฐานของสินค้า สาม  เขามีทักษะในการแปลความสัมพันธ์ของดาวในดวงชะตาเราแค่ไหน 

 

ถ้าเขายังเข้าไม่ถึงว่า ดวง คือ ลายมื ลายมือ คือ โหงวเฮ้ง โหงวเฮ้ง คือ ฮวงจุ้ย ฮวงจุ้ย คือ เลขที่บ้าน ต้องชั่งใจสันนิษฐานไว้ก่อนว่า เขามีอัตราส่วนของความเป็น หมอดู กับ หมอเดา กี่เปอร์เซ็นต์