22 ตุลาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วานนี้ได้ให้การต้อนรับนายโอตากะ มาซาโตะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทย พร้อมคณะที่เข้าเยี่ยมคารวะ โอกาสนี้ได้หารือในหลายประเด็น ทั้งความร่วมมือด้านสุขภาพโลก การเตรียมการผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นมาสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่และการจัดตั้งสถาบันความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งประเทศญี่ปุ่น ความร่วมมือในโครงการ UHC Knowledge Hub การจัดงานโอซาก้า เอ็กซ์โป
ทั้งนี้ ฝ่ายไทยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.สามารถ ถิระศักดิ์ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ภก.เลิศชาย เลิศวุฒิ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
นพ.สวัสดิ์ชัย นวกิจรังสรรค์ ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ นางวลัยพร พัชรนฤมล ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ นายภาณุพันธ์ ปัญญาใจ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการพิเศษ สถาบันชีววิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ เข้าร่วมการหารือด้วย
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ได้แสดงความยินดีที่ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีความเข้มแข็งมากและมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีความร่วมมือระหว่างกันที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพของประชาชนของเราซึ่งไทยพร้อมและยินดีสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC Knowledge Hub) ของญี่ปุ่นที่จะเปิดตัวที่กรุงโตเกียว ในปีหน้า
ขณะเดียวกันได้ขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้การสนับสนุนจัดตั้งศูนย์ อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ (ASEAN Centre for Public Health Emergencies and Emerging Diseases หรือ ACPHEED ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมาอย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน โดยประเทศสมาชิกอาเซียนกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงการจัดตั้งศูนย์ฯ การประชุมรัฐมนตรีอาเซียน ที่ สปป.ลาว เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้เร่งรัดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนจัดทำร่างข้อตกลงการจัดตั้งศูนย์ดังกล่าว ให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้
พร้อมชื่นชมรัฐบาลญี่ปุ่นในการจัดตั้งสถาบันความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งญี่ปุ่น(JIHS) เพื่อรับมือกับโรคระบาดในอนาคต และแสดงความเชื่อมั่นว่าสถาบันความมั่นคงด้านสุขภาพแห่งญี่ปุ่นจะประสบความสำเร็จตามเจตนารมณ์ สร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับชาวญี่ปุ่นและประชาคมโลก ประเทศไทยยินดีที่จะร่วมมือกับญี่ปุ่นในด้านนี้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ยังชื่นชมรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและสนับสนุนการดำเนินงานของไทยในด้านดังกล่าวมาอย่างเข้มแข็งและต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการการดูแลผู้สูงอายุระยะยาว (Long-Term Care) ไทยและญี่ปุ่นมีความร่วมมือด้านสาธารณสุขที่แน่นแฟ้นผ่านโครงการเป็นจำนวนมากในทศวรรษที่ผ่านมา
รวมทั้งโครงการ Global Health and Universal Health Coverage (GLO+UHC) ที่ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านสุขภาพโลกและหลักประกันสุขภาพของประเทศกำลังพัฒนา และกำลังย่างเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการดำเนินงานร่วมกัน
ระยะที่ 3 นี้ จะเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตก รัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่องและมีความสำเร็จในการดำเนินงานจนเป็นประเทศตัวอย่างในการดำเนินงานด้าน UHC
ในปีที่ผ่านมาได้ยกระดับการบริการให้ประชาชนไทยเข้าถึงบริการได้ทุกที่ผ่านการใช้บัตรประชาชนใบเดียว ไทยยินดีสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์การเรียนรู้ด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของญี่ปุ่นและพร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ UHC ของไทยที่เป็นแหล่งศึกษาดูงานของประเทศกำลังพัฒนาผ่าน UHC Knowledge Hub
"ผมได้แสดงความมั่นใจว่า เป็นความร่วมมือระหว่างสองประเทศจะส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UHC Learning Hub) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้ขอขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้การสนับสนุนกระทรวงสาธารณสุขในการจัดงาน Expo 2025 Osaka Kansai เป็นอย่างดีมาตลอด
กระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารนิทรรศการไทยอย่างต่อเนื่องและผมได้รับรายงานว่าโครงสร้างอาคารนิทรรศการไทยจะแล้วเสร็จ ภายในวันที่ 28 ก.พ.2568" นายสมศักดิ์ กล่าว