19 กันยายน 2567 ณ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ มีการแถลงข่าวการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพระหว่างสถานพยาบาลในพื้นที่กรุงเทพฯ กับ สปสช. รองรับการให้บริการ 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งจะมีการเปิดตัวในวันที่ 27 กันยายน 2567 นี้ โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิด
นพ.สุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพเพื่อรองรับ 30 บาทรักษาทุกที่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น กรุงเทพมหานครพยายามที่จะทำให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของประชาชนอยู่ที่ตัวประชาชนจริง ๆ ไม่ว่าประชาชนจะไปรักษาพยาบาลที่ใด
สำหรับความก้าวหน้าการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพนั้น ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพประชาชนของหน่วยบริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย รพ. ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริการสาธารณสุข 69 แห่ง ได้เชื่อมโยงระบบข้อมูลครบทุกแห่งแล้ว และได้อัปเดตและนำเข้ารายชื่อแพทย์ในระบบ Health Link แล้ว
โดยแพทย์ที่ทำการตรวจรักษาที่ต้องการดูประวัติคนไข้ในระบบ Health Link สามารถเรียกดูประวัติผ่านระบบ HCIS และระบบ e-PHIC ได้โดยอัตโนมัติ รวมทั้งได้ทดสอบการแสดงตนยืนยันสิทธิเมื่อสิ้นสุดการรับบริการ (ปิดสิทธิ) ด้วย Smart card และการส่งเบิกค่าบริการ 13 แฟ้มเรียบร้อยแล้ว
เป็นส่วนที่สนับสนุนการให้บริการสุขภาพในพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็น ยกระดับสุขภาพปฐมภูมิและเครือข่ายสาธารณสุข เพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เชื่อมโยงไร้รอยต่อ
ขณะที่พญ.เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กทม. มีโรงพยาบาลที่อยู่ในความดูแล 12 แห่งซึ่งรวมถึง รพ.วชิระพยาบาล ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ด้วย โดย กทม. ให้ความสำคัญกับข้อมูลสุขภาพ เพราะเป็นส่วนที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพได้
ข้อมูลนี้แต่เดิมคนไข้จะมาโรงพยาบาลจะส่งข้อมูลผ่านกระดาษ แต่วันนี้เราพัฒนามาใช้ระบบ E-Refer ที่มีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมต่อข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เพียงแต่มีข้อมูลคนไข้เท่านั้นแต่ดูว่าคนไข้จะมารับบริการเมื่อใด
นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชัน "หมอ กทม." ที่ประวัติการรักษาจะอยู่ในมือคนไข้เอง ซึ่งสามารถเข้าไปดูเองได้ ที่ผ่านมาได้มีการใช้แอปฯ นี้มาแล้วในการตรวจสุขภาพประชาชนนับล้านคน จึงเป็นระบบที่ใช้ได้จริง ตลอดจนในแอปฯ ยังมีปุ่มสีแดงฉุกเฉินที่โทรเข้าสายด่วน 1669 ที่จะทราบจุดที่อยู่คนไข้ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือได้
ด้านพญ.ปฐมพร ศิรประภาศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขต 13 กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ในส่วนกระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานสนับสนุนการทำงานระบบสุขภาพในพื้นที่ กทม. อย่างเต็มที่ โดยจะดูแลผู้ป่วยที่เจ็บป่วยรุนแรงหรือที่จะเจ็บป่วยรุนแรงมากขึ้น ซึ่งต้องเข้ารับการรักษาใน รพ.ขนาดใหญ่
"เรามีความพร้อมในการรับข้อมูลผ่านระบบ Health link แล้ว เชื่อมต่อทั้งจากคลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์บริการสาธารณสุข เป็นต้น นอกจากนี้หน่วยงานที่ร่วมแถลงข่าวในวันนี้
ที่ผ่านมาก็ได้ MOU เพื่อร่วมจัดระบบสุขภาพในการดูแลประชาชนพื้นที่ กทม. โดยมีโรงพยาบาลสังกัดหน่วยงานต่างๆ เข้าร่วมด้วย อาทิ กระทรวงกลาโหม โรงเรียนแพทย์ สภากาชาดไทย เป็นต้น"
นายประเทือง เผ่าดิษฐ ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า หัวใจหลักสำคัญอย่างหนึ่งของ 30 บาทรักษาทุกที่คือการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของผู้รับบริการในหน่วยบริการ
มีสาระสำคัญ คือ การเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพของประชาชนที่เข้ารับบริการ ระหว่างหน่วยบริการ สปสช. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลและเข้าถึงฐานข้อมูลตามสิทธิได้โดยสะดวก โดยมีการจัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลตามมาตรฐานและกฎหมายอย่างครบถ้วนและปลอดภัย
ทั้งนี้ สปสช. มีเป้าหมายในการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยบริการในพื้นที่ กทม. ทั้งหมด 1,619 แห่ง ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลสำเร็จแล้ว 94 % หรือจำนวน 1,535 แห่ง และอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูลอีก 84 แห่ง ซึ่งจะเรียบร้อยภายในวันที่ 27 กันยายนนี้
รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า ตามที่ BDI ได้ร่วมมือกับ กทม. และ สปสช.ในการดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพหน่วยนวัตกรรมที่ขึ้นทะเบียนกับ สปสช. ผ่านระบบ Health Link เพิ่มเติมจากการเชื่อมข้อมูลจากโรงพยาบาลนั้น
ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จเป็นจำนวน 1,508 แห่ง โดยครอบคลุมทั้ง รพ. ศบส. คลินิกชุมชนอบอุ่น ร้านยาคุณภาพ คลินิกการพยาบาลและการผดุงครรภ์ คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์ คลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกเวชกรรม ซึ่งช่องทางในการเปิดดูประวัติการรักษาได้ทั้งจากระบบ HIS ของหน่วยบริการและผ่าน HIE Web portal ของ Health Link ซึ่งพร้อมรองรับการให้บริการประชาชนด้วย 30 บาทรักษาทุกที่
รศ.ดร.ธีรณี กล่าวว่า การเชื่อมโยงข้อมูลในครั้งนี้เราได้ร่วมทำงานกับสภาวิชาชีพต่าง ๆ ในการกำหนด ตรวจสอบ ยืนยันตัวตนผู้ให้บริการและการกำหนดข้อมูลที่สามารถเปิดดูประวัติการรักษาให้สอดคล้องกับการให้บริการและมาตรฐานวิชาชีพ และเพื่อให้ครอบคลุมการบริการเรายังร่วมกับแอปพลิเคชันเป๋าตัง และหมอ กทม. ในการส่งข้อมูลสุขภาพคืนให้ประชนชน
สำหรับหน่วยบริการที่อาจจะยังไม่ได้เชื่อมข้อมูลผ่านระบบ Health Link ผู้ให้บริการก็ยังสามารถเปิดดูประวัติการรักษาของผู้ป่วยผ่าน PHR ได้
นอกจากนี้ เรายังร่วมกับ สปสช. ในการพัฒนาระบบ AI เพื่อช่วยตรวจสอบความผิดปกติของ Transaction การเบิกจ่าย รวมทั้งเชื่อมข้อมูลจากระบบ Health Link เข้ากับระบบตรวจสอบของ สปสช. เพื่อเพิ่มความเร็วในการตรวจสอบ ส่งผลให้กับหน่วยบริการสามารถเบิกจ่าย (Claim) ได้เร็วขึ้น
ขณะนี้เรากำลังเตรียมการเพื่อขยายการเชื่อมข้อมูลสุขภาพให้รองรับการส่งต่อผู้ป่วย (Refer) ซึ่งหน่วยบริการสามารถส่งต่อการรักษาและประวัติการรักษาได้อย่างสะดวกมากขึ้น ระบบการเชื่อมโยงข้อมูลในพื้นที่ กทม. ณ ขณะนี้ มีความพร้อมที่รองรับ 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อคนไทยสุขภาพดีถ้วนหน้า ในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่จะมีการเปิดตัวในวันที่ 27 กันยายน นี้
ดร.กิตติ วงศ์ถาวราวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มนวัตกรรมแพลตฟอร์มดิจิทัลสุขภาพการแพทย์ สวทช. กล่าวว่า ได้มีส่วนร่วมในการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพจากแพลตฟอร์มกลุ่มงาน AMED Care เป็นแพลตฟอร์มหลังบ้านในการให้บริการการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่หน่วยบริการหรือสถานพยาบาลที่เข้าร่วม 30 บาทรักษาทุกที่ ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
แพลตฟอร์มกลุ่มงาน AMED Care ที่ให้บริการมี 5 แพลตฟอร์ม ได้แก่ เชื่อมร้านยาดูแลผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 32 อาการ ระบบบริการดูแลต่อเนื่องผู้ป่วยในที่บ้าน ระบบบริการคลินิกพยาบาลสำหรับตรวจรักษาโรคเบื้องต้น ระบบบริการคลินิกเวชกรรมสำหรับรักษาโรคทั่วไป และระบบบริการคลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น
สวทช. จึงยินดีที่ผลงานการพัฒนาแพลตฟอร์ม AMED Care สามารถสร้างประโยชน์การบริการสาธารณสุขให้ประชาชนและสามารถต่อยอดผลการดำเนินงานไปสู่ระบบฐานข้อมูลสุขภาพที่จะขยายการบริการแอปได้อย่างกว้างขวาง รองรับการให้บริการ 30 บาทรักษาทุกที่