กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เตือนในช่วงฤดูฝนมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิส (Melioidosis) หรือ โรคไข้ดินมากขึ้นเนื่องจากปัจจัยแวดล้อมและพฤติกรรมสุขภาพโดยเฉพาะคนที่มีแผลที่บริเวณเท้า ควรเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลน
กลุ่มเสี่ยงเกิดโรค คือ ผู้ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม หรือมีลักษณะงานที่ต้องสัมผัสดินและน้ำอยู่เป็นประจำ สำหรับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อและมีแนวโน้มเกิดอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์โรคเมลิออยโดสิสว่า ข้อมูลการเฝ้าระวังจากระบบการรายงานโรค Digital Disease Surveillance (DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 14 ส.ค.67 พบผู้ป่วยเมลิออยโดสิสทั้งหมด 2,117 ราย (3.24 ต่อประชากรแสนคน) เสียชีวิต 64 ราย (0.10 ต่อประชากรแสนคน) อัตราป่วยตาย ร้อยละ 3.04
กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยสูงสุด คือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป (7.66 ต่อประชากรแสนคน) รองลงมา คือ อายุ 55-64 ปี (6.08 ต่อประชากรแสนคน) และอายุ 45-54 ปี (4.40 ต่อประชากรแสนคน) ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมและอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
กรมควบคุมโรค คาดว่า ในช่วงนี้จะมีโอกาสพบผู้ป่วยโรคเมลิออยโดสิสมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ซึ่งจะทำให้กลุ่มเสี่ยงมีโอกาสสัมผัสเชื้อจากดินและน้ำมากขึ้น
โรคเมลิออยโดสิส หรือ โรคไข้ดิน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Burkholderia pseudomallei เชื้อชนิดนี้มีความทนทานต่อสิ่งแวดล้อมมากและมีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิระหว่าง 15-42 องศาเซลเซียส พบได้ในดินและแหล่งน้ำตามธรรมชาติในทุกภาคของประเทศไทย
คนสามารถติดเชื้อผ่านทางเยื่อบุผิวหนังหรือบาดแผลจากการสัมผัสดินและน้ำเป็นเวลานาน การดื่มน้ำจากแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด หรือการหายใจเอาละอองของเชื้อที่ปนเปื้อนในดินเข้าไป และอาจติดเชื้อจากสัตว์ได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือรับประทานเนื้อหรือนมจากสัตว์ที่เป็นโรค
นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่าถึงอาการของผู้ป่วยโรคนี้ว่า จะแสดงอาการหลังจากติดเชื้อเฉลี่ยประมาณ 4-9 วัน เร็วสุด 1 วันหรือบางรายอาจนานเป็นปีขึ้นอยู่กับภูมิต้านทานของแต่ละคน
ส่วนใหญ่มักเริ่มจากมีไข้ อาการแสดงขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการติดเชื้อ เช่น หากติดเชื้อที่ผิวหนังจะมีอาการปวด บวม มีแผลเปื่อย สีขาวเทาหรือเป็นฝีหนอง หากติดเชื้อที่ปอดจะมีอาการปอดอักเสบ คือ มีไข้ ไอ หอบเหนื่อย และอาจพบฝีหนองในปอด ในบางรายอาจพบที่อวัยวะอื่น เช่น ฝีในตับหรือม้าม
ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมักมีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด โดยจะมีไข้สูง หายใจลำบาก ความดันเลือดต่ำหรือมีภาวะช็อก และถึงขั้นเสียชีวิตได้ ซึ่งหากประชาชนพบว่า ตนเองมีความเสี่ยงและมีอาการ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและตรวจเพาะเชื้อทางห้องปฏิบัติการเพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที
กลุ่มผู้มีอาชีพเกษตรกรรม ผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง รวมถึงผู้ที่มีบาดแผล
1.หลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำย่ำโคลนหรือสัมผัสดินและน้ำโดยตรง หากจำเป็นให้สวมรองเท้าบูท ถุงมือยาง กางเกง ขายาวหรือชุดลุยน้ำ เมื่อเสร็จภารกิจให้รีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและสบู่
2.หากมีบาดแผลบริเวณผิวหนัง ควรรีบทำความสะอาดด้วยยาฆ่าเชื้อและหลีกเลี่ยงการสัมผัสดินและน้ำจนกว่าแผลจะแห้งสนิท
3.รับประทานอาหารปรุงสุก ดื่มน้ำสะอาด หากไม่แน่ใจให้ต้มน้ำให้สุกก่อนดื่ม เมื่อมีอาการไข้สูงร่วมกับมีประวัติการสัมผัสดินและน้ำ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422