ภาวะความดันตาสูง-โรคต้อหิน ภัยเงียบใกล้ตัวที่ต้องระวัง 

21 มิ.ย. 2567 | 13:00 น.
อัปเดตล่าสุด :21 มิ.ย. 2567 | 13:05 น.

กรมการแพทย์ เตือนภาวะความดันตาสูงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคต้อหินพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ ภัยเงียบที่อาจนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวรที่ผู้ป่วยไม่ทันรู้ตัว แนะกลุ่มเสี่ยงตรวจสุขภาพดวงตาสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติควรพบจักษุแพทย์ 

นายแพทย์ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันให้คำนิยาม "โรคต้อหิน" ว่าเป็นโรคที่มีลักษณะการเปลี่ยนแปลงของขั้วประสาทตาถูกทำลายซึ่งเป็นตัวนำกระแสการมองเห็นไปสู่สมอง เมื่อขั้วประสาทตาถูกทำลายจะมีผลทำให้สูญเสียลานสายตา

เมื่อเป็นมาก ๆ อาจสูญเสียการมองเห็นในที่สุดเป็นการสูญเสียถาวรรักษาให้กลับคืนมามองเห็นไม่ได้ ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคที่สำคัญที่สุด คือ การที่มีความดันในลูกตาขึ้นสูงผิดปกติ และความดันในลูกตาที่สูงผิดปกตินี้จึงทำให้เกิดภาวะเสื่อมของขั้วประสาทตา นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อีก

นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวว่า โรคต้อหินสามารถพบได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ กลุ่มที่พบมาก คือกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปและในผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นต้อหินจะมีความเสี่ยงมาก

ความดันในลูกตาสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดการทำลายขั้วประสาทตาในโรคต้อหินโดยความดันตายิ่งสูงยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดต้อหินมากขึ้นและเร็วขึ้น

นอกจากนี้ยังพบในกลุ่มที่มีโรคการไหลเวียนเลือดไม่ดีทำให้เลือดไปเลี้ยงที่ขั้วประสาทตาลดลง ผู้ที่มีสายตาสั้น หรือยาวมากๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดต้อหินเช่นกัน

แพทย์หญิงอรอร  ธงอินเนตร จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต้อหิน กล่าวเสริมว่า ภาวะความดันตาสูง คือ การเกิดความดันในดวงตาสูงกว่ามากกว่า 21 มิลลิเมตรปรอท โดยปกติค่าความดันปกติจะอยู่ระหว่าง 6 ถึง 21 มิลลิเมตรปรอท

ภาวะความดันตาสูง-โรคต้อหิน ภัยเงียบใกล้ตัวที่ต้องระวัง 

ในผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปมีภาวะความดันตาสูงมากถึง 9.4 เปอร์เซ็นต์ และภาวะนี้มีแนวโน้มที่จะพบมากในผู้ป่วยต้อหินมุมเปิดซึ่งเป็นต้อหินชนิดที่พบบ่อย

สาเหตุที่ก่อให้ภาวะความดันตาสูงเกิดจากการรบกวนสมดุลปกติของการผลิตน้ำและการระบายน้ำออกจากลูกตาที่ลดลง ถ้ามีภาวะความดันสูงอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้เส้นประสาทตาที่บอบบางถูกทำลายและทำให้เกิดโรคต้อหินในที่สุด เราไม่สามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่า ตัวเราเป็นภาวะความดันตาสูง หรือต้อหินเพราะผู้ป่วยระยะเริ่มแรกมักไม่มีอาการ เช่น ปวดตาหรือตามัว จะสามารถตรวจพบได้จากจักษุแพทย์เท่านั้น

ในผู้ที่มีความหนาของกระจกตาส่วนกลางที่บางกว่าปกติอาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันตาสูงและต้อหินเพิ่มขึ้น ภาวะความดันตาสูงยังมีความสัมพันธ์กับภาวะตาอื่น ๆ เช่น โรคม่านตาอักเสบ โรคเบาหวานจอประสาทตา

หากมีปัจจัยเสี่ยงข้างต้นแนะนำให้ปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจตาและวัดความดันตาอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยปีละครั้งและในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นต้อหินก็ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะความดันตาสูงและเป็นต้อหินได้เช่นเดียวกัน

โรคนี้มักไม่มีอาการ จะเริ่มสูญเสียลานสายตา คือ การมองเห็นจำกัดวงแคบลงอย่างช้า ๆ จนระยะสุดท้ายอาจสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร

ต้อหินบางประเภท เช่น ต้อหินมุมปิดเฉียบพลันผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก ตามัวลงและตาแดงถือเป็นภาวะเร่งด่วนมากต้องมาพบจักษุแพทย์โดยเร็ว สำคัญที่สุด คือ ผู้ป่วยต้องมาตรวจติดตามอาการและปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด

วิธีการรักษาต้อหิน

การใช้ยาหยอดตาเพื่อลดความดันตา การเลเซอร์ หรือการผ่าตัดต้อหินเพื่อรักษาภาวะความดันตาสูง ปัจจัยสำคัญ คือ ความดันตาสูงมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะนำไปสู่โรคต้อหินซึ่งเป็นภัยเงียบ

ดังนั้น ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังที่กล่าวมาและผู้ที่มีภาวะผิดปกติของการมองเห็นควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อวัดความดันตาและคัดกรองโรคตาและโรคต้อหินอย่างเหมาะสม