นางสาวกันยารัตน์ กุยสุวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมระดับโลก ถือเป็นความท้าทายที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมของไทยสู่เวทีโลก ซึ่งหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงสามารถดึงดูดนักลงทุน และนักท่องเที่ยวจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ คือ อุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพของไทย เพราะประเทศไทยมีความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยี บุคลากรทางการแพทย์ และมาตรฐานการบริการในราคาที่เหมาะสม การพัฒนานี้สามารถต่อยอดไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพได้
“เพื่อดึงศักยภาพในด้านอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพออกมาใช้อย่างเต็มที่ ผู้ประกอบการภาคธุรกิจต้องไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาและแสวงหาความรู้และนวัตกรรมทางวิชาการที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันด้านธุรกิจทางการแพทย์และสุขภาพให้สามารถตอบโจทย์ต่อแนวโน้มและความท้าทายของระบบสุขภาพไทย และการจัดงาน Medlab Asia & Asia Health 2024 ถือเป็นเวทีที่สำคัญในการขับเคลื่อนและยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและบุคลากรทางการแพทย์ได้พัฒนาขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจสุขภาพอย่างไร้ข้อจำกัด พร้อมทั้งผลักดันวิสัยทัศน์ในการสร้างประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ”
นางสาวรุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงาน Medlab Asia และ Asia Health กล่าวว่า ในปี 2023 งาน Medlab Asia และ Asia Health ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายเครื่องมือแพทย์ และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ภายในงานได้มากถึง 37.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,312 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 5.93% สอดคล้องกับรายงานวิจัยของ McKinsey ที่ระบุว่า ภูมิภาคอาเซียนคาดว่าจะลงทุนด้านเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568
จากการปัจจัยเพิ่มขึ้นของการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โรค NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อ ความต้องการในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพของประชากรที่มากขึ้น ทำให้เครื่องมือแพทย์ เทคโนโลยีการวินิจฉัย แพลตฟอร์มสุขภาพดิจิตอลรวมถึงการบริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงทุกภาคส่วน เมื่อปัจจัยเหล่านี้ประกอบกับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่องและการลงทุนของภาคเอกชน ทำให้ตลาดเครื่องมือแพทย์และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในอาเซียนมีการเติบโตที่ยั่งยืนและส่งผลเชิงบวกต่อสุขภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนหลายล้านคน
ดังนั้น งาน Medlab Asia และ Asia Health จึงเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมห้องปฏิบัติการทางการแพทย์และเครื่องมือแพทย์ของอาเซียน ที่ส่งมอบโอกาสที่ไม่มีใครเทียบได้สำหรับผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและบุคลากรทางการแพทย์ในการสร้างเครือข่าย เชื่อมต่อธุรกิจ แบ่งปันความรู้ และอัปเดตเทรนด์ล่าสุดเกี่ยวกับความก้าวหน้าด้านการแพทย์ที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรมและในเอเชีย ซึ่งในปีนี้มีผู้แสดงสินค้ามากกว่า 350 บริษัท จาก 28 ประเทศ จากทั่วโลก และคาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมงานมากกว่า 1 หมื่นราย โดยตั้งเป้ามูลค่าการซื้อขายในงานไม่น้อยกว่า 1,640 ล้านบาท
สำหรับงาน Medlab Asia และ Asia Health ปีนี้ จัดงานควบคู่กับงาน "CPHI South East Asia 2024" เพื่อให้ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมยา เพื่อผลักดันตลาดการดูแลสุขภาพได้อย่างครบวงจร การจัดงานทั้งสามงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “International Healthcare Week” ที่มุ่งเน้นการสร้างศักยภาพการพัฒนาระบบและการดูแลสุขภาพครบวงจร โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือการเสริมสร้างให้เกิด การเข้าถึงสาธารณสุข และการนำ และปรับใช้เทคโนโลยีนวัตกรรมการระบบสาธารณสุขเพื่อสุขภาพของประชากรที่ดีขึ้น อันจะนำมาซึ่งเศรษฐกิจที่มั่นคง
ด้าน นางสาวปัญกร ญาณวัจนกรณ์ (Ms. Bernice Jenvdhanaken) Business Development Manager, Polish Investment and Trade Agency ในฐานะองค์กรส่งเสริมการค้าและการลงทุนรัฐบาลโปแลนด์ จากกระทรวงเศรษฐกิจและเทคโนโลยีโปแลนด์ กล่าวว่า โปแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์รายใหญ่ของยุโรป โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 15 ของมูลค่าตลาดรวม และรายได้กว่าร้อยละ 60 มาจากการส่งออก โดยประเทศคู่ค้าสำคัญที่นำเข้าอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ของโปแลนด์ 5 อันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส เดนมาร์ก และสหราชอาณาจักร โดยโปแลนด์กำลังขยายตลาดเครื่องมือแพทย์ในกลุ่มประเทศในเอเชีย และมองหาโอกาสการต่อยอดธุรกิจในงาน Medlab Asia และ Asia Health 2024
อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์สำคัญคือ การจัดประชุมวิชาการทางการแพทย์สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อยกระดับอาชีพและขยายความรู้ในโลกของการดูแลสุขภาพที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บรรยายโดยวิทยากรชั้นนำจากทั่วโลก เจาะลึกในหัวข้อ Laboratory Management, Molecular Diagnostics, Clinical Microbiology, Anatomic Pathology, Clinical Chemistry, Hematology Digital Health, Future Health, Hospital Management, , Patient Safety, Total Radiology, Sterilisation & Decontamination โดยผู้เข้าร่วมประชุมจะได้รับคะแนนศึกษาต่อเนื่อง CME CMTE CPD และ CNEU อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีสัมมนาภาคธุรกิจหัวข้อ การเบิกจ่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์และกองทุนสุขภาพแห่งชาติ และ Doing Business in Asia สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและผู้ที่สนใจ เพื่ออัปเดตโอกาสในการทำธุรกิจเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย และเอเชีย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานประชุม 3 วันรวมกว่า 4,000 คน